บุญส่ง ชเลธร วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต รายชื่อสมาชิก สนช.ล่าสุดอีก 33 คนมีอยู่ 5ชื่อที่ไม่มีตำแหน่งยศนำหน้า ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเหนือความคาดหมายของผู้คน ว่าเวลาใครขึ้นมามีอำนาจ เขาก็จะไว้เนื้อเชื่อใจกลุ่มคนที่เป็นพรรคพวกของตนเป็นหลัก เมื่อทหารเป็นใหญ่ ทหารก็ปูนบำเหน็จทหาร แต่งตั้งทหารขึ้นครองอำนาจตามหน่วยงานต่างๆเป็นส่วนใหญ่ แล้วเอาชื่อคนจากกลุ่มอื่นๆแปะไว้บ้างพอเป็นผักชีโรยหน้าและแก้ขวย ไม่ให้เห็นว่าหน่วยงานนั้นๆเขียวไปทั้งหมด ยังมีดำ เหลือง แดง ฟ้า ชมพู บ้างประปราย ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่า ทหารไม่มีความรู้ความสามารถในการบริหารประเทศ หรือไม่เหมาะสมที่จะขึ้นมาดูแลการบริหารงานในหน่วยงานต่างๆได้ พียงแต่ว่า มีแต่ทหารกลุ่มเดียวหรือที่มีความรู้ความสามารถ คนกลุ่มอื่นๆอีกมากมายที่รวมกันแล้วเป็นคนกลุ่มใหญ่ของแผ่นดิน ใหญ่กว่าทหาร ต่างไม่มีความรู้ความสามารถกันเลยกระนั้นหรือ ถึงถูกกีดกันไม่ให้เข้ามามีส่วนร่วมเอาเสียเลย นี่แหละปัญหา ข้อน่าเศร้าคือการเลือกตั้งที่ผ่านมาก็ไม่ได้แสดงให้เห็นเลยว่าประเทศชาติเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง แม้ว่าการเลือกตั้งจะเป็นเครื่องมือสำคัญในระบอบประชาธิปไตย จะขาดการเลือกตั้งเสียมิได้ แต่แค่การเลือกตั้งเพียงถ่ายเดียวก็ไม่อาจบอกได้ว่าประเทศชาติเป็นประชาธิปไตย หรือทำให้การบริหารบ้านเมืองเป็นไปตามเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน เพราะการเลือกตั้งที่ผ่านมาของไทย เหมือนเป็นเกมการแข่งขันและต่อสู้ขึ้นสู่อำนาจของนักการเมือง กลุ่มทุนและผู้ทรงอิทธิพล ประชาชนเป็นเพียงเบี้ย ที่ถูกใช้เป็นพื้นสำหรับเหยียบยืนขึ้นสู่ที่สูง ในประเทศที่ประชาธิปไตยแข็งแรง การเลือกตั้งจะเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมที่ทุกคนยอมรับได้ ไม่ใช่แบบไทยๆที่เต็มไปด้วยการซื้อสิทธิ์และขายเสียง นักการเมืองจำนวนไม่น้อยที่โอ่อ่าว่าจะทำเพื่อประชาชนแต่พร้อมทำทุกวิถีทางไม่ว่าจะฉ้อฉลอย่างใดเพียงเพื่อให้ได้เสียงมา ประชาชนจำนวนไม่น้อยของยุคไทยแลนด์ 4.0 ก็เช่นกัน พร้อมจะรับอามิสสินจ้างเพื่อการลงคะแนนเสียง โดยไม่คำนึงว่านั่นคือพฤติกรรมของการทำลายประชาธิปไตย ข้อสังเกตที่พูดกันเสมอ คือผลของการเลือกตั้งแต่ละครั้ง เป็นเสียงบริสุทธิ์ของประชาชนส่วนข้างมากจริงหรือไม่ ในประเทศประชาธิปไตยตะวันตก เมื่อบอกว่ามีการเลือกตั้ง และผลการเลือกตั้งเป็นอย่างไร เรื่องก็จบเพียงแค่นั้น แต่ของไทยเราเมื่อใครบอกว่าเป็น ส.ส. มาจากการเลือกตั้ง ก็ต้องมีคำถามพ่วงเข้าไปอีกว่า ท่านชนะการเลือกตั้งมาได้อย่างไร ด้วยวิธีใด การกล่าวเช่นนี้มีได้หมายความว่าทุกคนที่สมัคร ส.ส. จะเลวร้ายเช่นนั้นหมดก็หาไม่ แต่ก็คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าไม่มีผู้สมัคร ส.ส. ทั้งที่ชนะเลือกตั้งและทั้งที่สอบตก หลายต่อหลายคนมิได้มีพฤติการณ์เยี่ยงนั้น อันนี้รวมไปถึงพฤติกรรมการขายสิทธิขายเสียงของประชาชนจำนวนไม่น้อย ที่มีส่วนร่วมในการทำลายประชาธิปไตย ไม่เช่นนั้นงบประมาณการหาเสียงของแต่ละเขตจะไม่พุ่งไปถึง 30-50 ล้านเป็นแน่ แม้ว่ากฎหมายจะกำหนดวงเงินของการหาเสียงเอาไว้แล้วก็ตาม แต่ใครก็รู้ว่ามีช่องว่างรอยโหว่ให้เลี่ยงออกไปจนได้เช่นกัน เราพูดกันถึงการปฏิรูปทางการเมือง การวางกรอบกติกาที่ดีเพื่อป้องการซื้อสิทธิขายเสียงและการเลือกตั้งที่ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม ที่น่าจะมีมาในเวลาอันไม่ช้านานนี้แล้ว คณะ คสช.ที่เข้ามาบริหารประเทศ และประกาศอยู่เนืองๆว่าจะวางรากฐานของประชาธิปไตยให้มั่นคงและเป็นประโยชน์ต่อมหาชนอย่างที่สุดนั้น ก็น่าจะสะท้อนให้เห็นพื้นฐานของแนวความคิดและการปฏิบัติจากการทำงานที่เปิดกว้าง และเปิดโอกาสให้คนหลากหลายกลุ่มได้เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารประเทศมากกว่านี้ ถ้าการแต่งตั้ง สนช.เพิ่มอีก 30 กว่าคนแค่นี้ ยังขลุกแต่ในหมู่พวกตน โดยมิได้ขยายวงออกไปยังกลุ่มอื่นๆในสังคมเลย คนก็คาดได้ไม่ยากว่า ส.ว. 250 คนตามร่างรัฐธรรมนูญก็คงไม่ต่างกัน การกล่าวถึงทศวรรษที่หายไป ผมทำคนเดียวไม่ได้ อยากให้ประชาชนเข้ามาเป็นหุ้นส่วนด้วย แต่การปฏิบัติและความเป็นจริงกลับตรงข้าม จะทำให้ใครเชื่อได้กี่คนเล่า