ภายหลังโศกนาฏกรรมเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2565 หลายฝ่ายเรียกร้องให้มีการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ และเป็นแนวทางลดความรุนแรงในสังคม

โดยมีความเคลื่อนไหวของรัฐบาล โดยคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบมาตรการและกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการแก้ไขปัญหาอาวุธปืนและยาเสพติด โดยมีมาตรการระยะเร่งด่วนสำคัญ 4 มาตรการ ได้แก่

1.มาตรการเกี่ยวกับอาวุธปืน

1.)การอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน เช่น เพิ่มเติมเอกสารใบรับรองแพทย์ หนังสือรับรอง จากต้นสังกัด/นายจ้าง 2.)การจัดการอาวุธปืนที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือที่มีกฎหมายห้ามออกใบอนุญาต โดยผ่อนผันให้ผู้ครอบครองนำอาวุธปืนที่ไม่ได้รับอนุญาต/หรือที่มีกฎหมาย ห้ามออกใบอนุญาตมาส่งมอบให้แก่ภาครัฐหรือนำมาขึ้นทะเบียน 3.)การป้องกันและปราบปรามในเชิงรุก เช่น ตรวจจับการค้าอาวุธที่ไม่ได้รับอนุญาต 4)มาตรการทางดิจิทัล เช่น การป้องกันการค้าอาวุธปืนบนแพลตฟอร์มดิจิทัล

2.มาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด การควบคุมสารเคมีที่นำใช้ผลิตยาเสพติด การทำลายเครือข่ายนักค้ายาเสพติดและยึดทรัพย์ ติดตามจับกุมผู้มีหมายจับคดียาเสพติด การค้นหาผู้ติดยาเสพติดทั่วประเทศ การติดตามข้อร้องเรียนประชาชน การทบทวนผู้เสพเป็นผู้ป่วย และการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (EM)

3.มาตรการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด 1)ระยะเร่งด่วน ค้นหาและคัดกรองผู้ป่วยจิตเวช 2)ระยะกลาง เร่งรัดจัดตั้งสถานฟื้นฟูสมรรถภาพ 3)ระยะต่อเนื่อง โดยใช้ชุมชนเป็นฐานบำบัด ยาเสพติด

4.มาตรการพัฒนาและแก้ไขปัญหาสุขภาพจิต  การพัฒนาเครือข่ายใน และนอกระบบสุขภาพ และการพัฒนาเครือข่ายในชุมชน

ทั้งนี้ มาตรการต่างๆ ที่ออกมา มีความครอบคลุมในการแก้ปัญหา แต่ต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังอย่างที่สุด โดยให้มีการดำเนินการอย่างเร่งด่วนภายใน 3 เดือน ต้องตรวจสอบ ดำเนินการให้เห็นผล อย่างเป็นรูปธรรมและเป็นไปตามกฎหมาย โดยหน่วยงานรับผิดชอบหลัก ต้องขับเคลื่อนมาตรการดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติเพื่อสร้างความมั่นคงปลอดภัยให้กับ ชีวิต ร่างกายและทรัพย์สิน สามารถป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน โดยปฏิบัติให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรมในระยะเร่งด่วน ขณะที่ เน้นย้ำหน่วยงานในท้องถิ่น และประชาชน ในพื้นที่ ให้มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้วย และให้มีการรายงานผลดำเนินงานให้ทราบภายในกรอบเวลาที่เหมาะสมต่อไป

อย่างไรก็ตาม เราเห็นด้วยที่รัฐบาลมีการกำหนดมาตรการอออกมาครอบคลุมทุกด้านและกำหนดระยะเวลาในการดำเนินการอย่างชัดเจน หากแต่การรดำเนินการเชิงรุก จำเป็นต้องส่งสัญญาณให้ชัดเจนว่ายังอยู่ภายใต้การปฏิบัติการที่ยังคำนึงถึงสิทธิมนุษยชน โดยไม่เปิดช่องโหว่ให้มาตรการดังกล่าวสร้างปัญหาใหม่ ซ้ำรอยรัฐบาลในอดีต