การเมืองไทยแม้จะผ่านโค้งอันตราย กรณีการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยประทับตราให้ยังสามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้จนถึง ปี 2568

แต่กระนั้น ห้วงเวลานี้ก็ถือเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของรัฐบาล ท่ามกลางการเคลื่อนไหวของมวลชนต่างๆในขณะที่ทัพข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ได้มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่ง โดยเฉพาะในส่วนของเหล่าทัพนั้นเป็นที่จับตาอย่างมากในห้วงที่กระแสการเมืองเชี่ยวกราก

อย่างไรก็ดี ในห้วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ “สยามรัฐ” จะขอยกเอาข้อความสำคัญจากพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนของทหารชั้นนายพลสังกัดกองทัพบก จำนวน 179 นาย ที่นำโดย พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา  มาเผยแพร่ดังนี้

“ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ตามที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ปวงข้าพระพุทธเจ้าที่มารวมตัวกัน ณ ที่นี้ดำรงตำแหน่งที่สำคัญและพระราชทานยศชั้นนายพลของกองทัพบกนั้น นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และเป็นเกียรติยศอันสูงยิ่งของการรับราชการ ตลอดห้วงระยะเวลาที่ผ่านมาปวงข้าพระพุทธเจ้าต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 ได้ทรงพระราชทานกำเนิดโรงเรียนนายร้อยฯ แห่งนี้ขึ้น" ทั้งยังทรงมีพระเมตตาให้ทรงรับและเปิดโอกาสให้ลูกหลานของประชาชนชาวไทยทั่วไปได้เข้าไปศึกษาเล่าเรียนโดยไม่แบ่งชั้นวรรณะ เพื่อให้ได้เข้ารับราชการสนองพระเดชพระคุณช่วยกันปกปักรักษาเอกราช อธิปไตยของประเทศชาติและราชอาณาจักรไทย ให้อยู่จนมาทุกวันนี้

นอกจากนั้น ปวงข้าพระพุทธเจ้า ยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระชนกาธิเบศพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรรัชกาลที่ 9 ที่ได้พระราชทานกระบี่ และพระราชทานยศ นายทหารสัญญาบัตรมาตลอดห้วงเวลารับราชการที่ผ่านมา พระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่องค์พระมหากษัตริย์ องค์จอมทัพไทยแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ มีต่อปวงข้าพระพุทธเจ้านั้น

ปวงข้าพระพุทธเจ้าจักสำนึกจะเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม พร้อมทั้งขอถวายสัตย์ปฏิญาณที่จะจงรักภักดี จะยอมอุทศตนพร้อมเสียสละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อปกป้องและรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของประเทศชาติ ราชอาณาจักรแห่งนี้ และจักเทิดทูนและรักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งองค์พระมหากษัตริย์เจ้าแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ จนกว่าชีวิตจะหาไม่

...ติระตะเน สะกะรัฏเฐ จะ...สัมพังเส จะ มะมายะนัง สะกะราโชชุจิตตัญฺจะ... สะกะรัฏฐาภิวัฑฒะนังฯ ความนับถือรักใคร่ในพระรัตนตรัยก็ดี ในรัฐของตนก็ดี ในวงศ์ตระกูลของตนก็ดี มีจิตซื่อตรงในพระราชาของตนก็ดี ย่อมเป็นเครื่องทำให้รัฐของตนเจริญยิ่ง ข้าพระพุทธเจ้าจะรักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า และจักธำรงไว้ซึ่งเกียรติยศและศักดิ์ศรีของทหาร"

จากนั้นทั้งหมดได้เปล่งเสียงกล่าวปฏิญาณพร้อมกัน 3 ครั้ง ความว่า “ข้าพระพุทธเจ้าจะรักษามรดกของท่านไว้ด้วยชีวิต”