เสือตัวที่ 6

วิกฤตโลกอันน่าสะพรึงกลัวของชาวโลกเกิดขึ้นล่าสุดทันทีที่ประธานาธิบดีปูติน ระบุในกฤษฎีกาของรัสเซียที่ประกาศรับรองอำนาจอธิปไตยและเอกราชของแคว้นซาโปริซเซียและเคอร์ซอน ทางตอนใต้ของยูเครน เช่นเดียวกับแคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ที่เคยประกาศในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยรัสเซียได้จัดพิธีประกาศผนวกแคว้น 4 แห่งของยูเครนที่ถูกรัสเซียยึดครอง ได้แก่ แคว้นซาโปริซเซีย เคอร์ซอน โดเนตสก์ และลูฮันสก์ ในวันศุกร์ที่ 30 กันยายน โดยรัฐบาลรัสเซียได้จัดพิธีประกาศผนวกแคว้นทั้งสี่เป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียอย่างยิ่งใหญ่ที่รัฐสภารัสเซียในวันเดียวกัน พร้อมคำกล่าวสุนทรพจน์ครั้งสำคัญในพิธีดังกล่าวของประธานาธิบดีปูตินประธานาธิบดีปูตินด้วย ทั้งนี้ ผู้นำของแคว้นทั้งสี่ดังกล่าว ซึ่งแต่งตั้งจากรัฐบาลรัสเซีย ได้เดินทางถึงกรุงมอสโกก่อนพิธีการผนวกดินแดนอันสั่นสะเทือนโลกครั้งนี้ โดยประธานาธิบดีปูติน แถลงการณ์รับรองอธิปไตยดินแดนทั้ง 4 แคว้นและการผนวกรวมเป็นดินแดนส่วนหนึ่งกับรัสเซีย ซึ่งกฤษฎีการะบุชัดเจนถึงการรับรองอำนาจอธิปไตยและเอกราชของแคว้นซาโปริซเซียและเคอร์ซอน ทางตอนใต้ของยูเครน เช่นเดียวกับแคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ที่เคยประกาศเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ รัสเซียอ้างว่า การผนวกดินแดนทั้ง 4 แคว้นเป็นดินแดนของรัสเซียครั้งนี้นั้น เกิดจากการเห็นพ้องต้องกันของประชาชนส่วนใหญ่ของทั้ง 4 แคว้นดังกล่าว จากผลการลงประชามติที่ผ่านมา โดยผลการนับคะแนนในการลงประชามติ ใน 4 แคว้นของยูเครน ซึ่งได้แก่ โดเนตสก์, ลูฮันสก์, เคอร์ซอน และซาปอริซเซีย ซึ่งปิดหีบลงคะแนนเมื่อ 27 ก.ย. 65 พบว่าประชาชนส่วนใหญ่กว่า 99% ให้ความเห็นชอบต่อการผนวกดินแดนเข้ากับรัสเซีย การประกาศผนวกดินแดนของทั้ง 4 แคว้นดังกล่าว จึงเป็นความต้องการของประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของดินแดนนั้นเอง เหล่านี้จึงเป็นความชอบธรรมแล้วที่รัสเซียดำเนินการเพื่อสนองความต้องการของเจ้าของดินแดน ด้วยการประกาศการผนวกดินแดนทั้ง 4 แคว้นดังกล่าวอย่างเป็นทางการโดยประกาศรับรองในกฤษฎีกาของรัสเซียและจัดให้มีพิธีลงนามของผู้แทนของแคว้นต่างๆ   ทั้ง 4 แคว้นกับผู้นำรัสเซียอย่างเป็นทางการ เพื่อให้ทุกชาติได้รับรู้ว่า นี่คืออธิปไตยของรัสเซียที่ไม่ว่าประเทศชาติใดจะละเมิดอธิปไตยไม่ได้ และรัสเซียเองก็มีความชอบธรรมในการปกป้องอธิปไตยของชาติตนเองทุกรูปแบบโดยถูกต้องตามกฎหมาย

ทันทีที่รัฐบาลรัสเซียประกาศการผนวกดินแดนทั้ง 4 แคว้นเข้าเป็นอธิปไตยของรัสเซียอย่างเป็นทางการดังกล่าว ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ มหาอำนาจของโลกที่อยู่ตรงข้ามกับรัสเซียมาโดยตลอด กล่าวตอบโต้ผู้นำรัสเซียอย่างรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยกล่าวว่า สหรัฐฯ ขอประณามการกระทำของประธานาธิบดีรัสเซียต่อการประกาศผนวกรวมดินแดนครั้งนี้อย่างรุนแรง และสหรัฐฯ จะไม่มีวันยอมรับข้อกล่าวอ้างของรัสเซียเหนือดินแดนทั้ง 4 แคว้นดังกล่าว อันเป็นอธิปไตยของยูเครนอย่างเด็ดขาด ส่วนนายอันโตนิโอกูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (UN) กล่าวย้ำอีกว่า สหประชาชาติ (UN) ไม่ยอมรับการผนวกแคว้นทั้งสี่เข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย และยังประณามการกระทำดังกล่าวว่าเป็นการบ่งบอกถึงเจตนาของรัสเซียในการยึดดินแดนของยูเครนด้วยกำลังทหารทั้งยังเป็นการขยายขอบเขตสงครามครั้งใหญ่ของโลกให้ลุกลามกว้างขวางมากขึ้นอันเป็นการก่อวิกฤตของประชาคมโลกให้เผชิญกับหายนะในระยะเวลาอันใกล้ข้างหน้ามากขึ้น

ในขณะที่ชาติมหาอำนาจตะวันตกหลายชาติที่อยู่ฝ่ายสหรัฐฯ และสมาชิกองค์การป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) ต่างมองว่าการลงประชามติของแคว้นที่ 4 ในครั้งนี้ เป็นการจัดฉากโดยมีรัสเซียอยู่เบื้องหลังและเพื่ออ้างเหตุผลของฝ่ายรัสเซียเองเพื่อที่จะผนวกดินแดนดังกล่าวเข้ากับรัสเซียอย่างโจ่งแจ้ง เพื่อที่ว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ต้องการบรรลุเป้าหมายในการก่อสงครามกับยูเครนตั้งแต่ต้นปี 2565 ที่ผ่านมาให้เสร็จสิ้นภายในปี 2565 ทั้งยังต้องการสร้างเหตุที่จะใช้ในการอ้างว่า หากชาติใดก็ตามรวมทั้งยูเครนเอง โจมตีดินแดน 4 แคว้นนี้ ก็จะถือว่าชาตินั้นโจมตีรัสเซียโดยตรง และประธานาธิบดีปูติน ผู้นำรัสเซียผู้นี้ได้ประกาศชัดเจนมาตลอดว่าเขาจะกระทำทุกวิถีทางโดยไม่ลังเล แม้กระทั่งการตัดสินใจใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อการปกป้องดินแดนและอธิปไตยของรัสเซีย ในขณะที่ประธานาธิบดียูเครน ได้ออกมากล่าวไม่ยอมรับผลการลงประชามติดังกล่าวในทันที รวมทั้งประณามผู้นำรัสเซียอย่างรุนแรง โดยระบุว่าผลการทำประชามติดังกล่าว ไม่มีความชอบธรรมและไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งยังระบุว่าเป็นการจัดฉากของรัสเซียที่เขียนบทโดยรัสเซีย และผู้นำยูเครนยังย้ำว่า กองทัพยูเครนจะยังคงยืนหยัดปกป้องประชาชนใน 4 แคว้นที่ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซียซึ่งเป็นพื้นที่ที่การลงประชามติลวงโลกที่เกิดขึ้น รวมทั้งการแย่งยึดคืนหลายพื้นที่ในภูมิภาคคาร์คีฟที่ยังคงถูกยึดครองโดยกองทัพรัสเซียในเวลานี้

การที่รัสเซียผนวกรวมแคว้นของยูเครน นั้นหมายความว่ากองกำลังแนวหน้าของรัสเซียจะเข้าไปในพื้นที่ที่รัสเซียอ้างว่าเป็นพื้นที่ของรัสเซียได้อย่างเต็มที่ ซึ่งก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีปูติน ได้ระบุย้ำหลายครั้งว่า จะปกป้องพื้นที่เหล่านี้อันถือเป็นอธิปไตยของรัสเซียโดยชอบธรรมและถูกต้องตามกฎหมายด้วยอาวุธนิวเคลียร์หากจำเป็น ทำให้ การที่รัสเซียประกาศผนวกดินแดนทั้ง 4 แคว้นอย่างเป็นทางการซึ่งมอสโกไม่สามารถควบคุมได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในขณะนี้นั้น ก็มีแนวโน้มสูงที่จะนำสงครามไปสู่หายนะของประชาคมโลกที่สูงมากขึ้นกว่าเดิม โดยรัฐบาลรัสเซียจะอ้างได้ว่ายูเครนและชาติใดๆ ก็ตาม พยายามในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทางเศรษฐกิจอันเป็นการบั่นทอนศักยภาพของรัสเซียโดยรวม และการทหารที่จะพยายามยึดครองดินแดนดังกล่าวของรัสเซีย  รัสเซียจะถือว่าเป็นการโจมตีดินแดนอธิปไตยของรัสเซียโดยตรง และรัสเซียพร้อมจะดำเนินการทุกอย่างเพื่อปกป้องอธิปไตยและความแข็งแกร่งของรัสเซียตลอดจนประชาชนชาวรัสเซียและหมู่ชนที่ใช้ภาษารัสเซียอย่างเต็มกำลังแม้ว่าจะต้องใช้อาวุธนิวเคลียร์ที่รัสเซียมีไว้ในครอบครองจำนวนมากที่สุดในบรรดาชาติที่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง 

ในขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ต่างร่วมกันย้ำว่า ชาติตะวันตกไม่เคยยอมรับการผนวกดินแดนของรัสเซีย โดยย้ำเตือนรัฐบาลรัสเซียว่า การประกาศผนวกดินแดนทั้ง 4 แคว้นครั้งนี้ของรัสเซีย จะส่งผลกระทบต่อรัสเซียในระดับที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทั้งนี้ สหรัฐฯ มีความห่วงกังวลระดับสูงสุดต่อสถานการณ์ล่าสุดนี้ โดยได้ส่งคำเตือนไปยังรัสเซียเพื่อหลีกเลี่ยงสงครามนิวเคลียร์ที่ส่อเค้าลางหายนะใหญ่หลวงอันสั่นสะเทือนไปทั้งโลก หลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้ข่มขู่เสมอมาว่าจะไม่ลังเลในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในทุกโอกาสที่เป็นไปได้เพื่อปกป้องอธิปไตของรัสเซียและผลประโยชน์ของประชาชนชาวรัสเซีย พร้อมประกาศระดมพลรอบใหม่จำนวนมหาศาลครั้งใหญ่ที่สุดหลังสงครารมโลกครั้งที่ 2 ถึง 300,000 นาย เพื่อเสริมกำลังทำสงครามกับยูเครน ในช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา โดยสหรัฐฯและพันธมิตร จะตอบโต้การกระทำของรัสเซียในทุกรูปแบบอย่างเด็ดขาดเช่นกัน โดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ ย้ำว่า สหรัฐฯ ไม่เคยเกรงกลัวคำขู่ของผู้นำรัสเซียต่อกรณีการใช้อาวุธนิเคลียร์ นั่นคือสถานการณ์ขัดแย้งของมหาอำนาจโลกที่สั่นสะเทือนไปทั้งโลกโดยเฉพาะประเทศเล็กๆ อย่างประเทศไทยหลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะตามมาได้ยาก