ต่อเนื่องจากบทบรรณาธิการฉบับที่แล้ว ในเรื่อง “ธรรมมิกะประชาธิปไตย” ที่ถอดความมาจาก การบรรยายธรรมะของท่าน “พุทธทาสภิกขุ” ในหัวข้อเรื่องที่มีชื่อว่า “การเมืองเรื่องของมนุษย์” เผยแพร่ทาง Youtube ช่อง หอจดหมายเหตุพทธทาส อินทปัญโญ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2562 ดังนี้ ต่อจากตอนที่แล้วดังนี้
“...ไม่ต้องใช้อาจยา เท่าที่ได้ยินได้ฟังมา ...ในสภาไปทั้งโลกมีสุนัขปากร้าย สุนัจเห่ากัด ทั้งเห่าทั้งกัด กัดแล้วไม่ปล่อย เอาขวดมาขว้างกันในสภา บางทีก็ถอดรองเท้าชูขึ้นมา เพื่อแสดงอะไรของเขาก็ไม่รู้ ในสภาอย่างนั้น มันจะเป็นสภาได้อย่างไร มันไม่ใช่เรื่องการจัดการบ้านการเมืองให้สงบโดยไม่ต้องใช้อาชญา มันใช้ชญาไปเสียทุกอย่างอย่างนี้ ต้องการสุนัขเลียแผล ประสานงานทุกฝ่าย มีการติเพื่อก่อ มีการตักเตือนเพื่อให้มันถูกต้องยิ่งขึ้น มันมีแต่สุนัขปากร้าย สุนัขจิ้งจอก กลับกรอกเหลือประมาณ รับใช้พอได้กินเดนเนื้อไปเรื่อยๆ นั่นนะมันไม่ใช่นักการเมือง ก็ยังมีประเภทเสือสิงกระทิงแรด เขี้ยวรากดิน มีรับภาระหนัก เหมือนวัว เหมือนช้าง รับภาระอย่างนี้ก็มี มันเป็นปัญหา
จะทำอย่างไรจึงจะเป็นสภา มันต้องมีสัตบุรุษผู้ที่ไม่เห็นแก่ตัว จะมีผู้ไม่เห็นแก่ตัวมันก็ต้องมีธรรมะ เห็นแก่ธรรมะ เห็นแก่ความถูกต้อง ...คงที่อยู่ในความถูกต้อง เบี่ยงเบนออกไปจากความถูกต้องสักนิดนึงก็ไม่มี คงที่อยู่ในความถูกต้อง....สภาก็เป็นสภา ก็มีสัตบุรุษมานั่งกันเป็นสภา ผู้มีความคงที่อยู่ในความถูกต้อง...ทำหน้าที่ตรงไปตรงมาตามธรรมชาติ นิสัยสันดานโดยมรรยาทมันก็เป็นอย่างนั้น มันมีปกติวิสัยปิดทองหลั งพระปิดทองหลังพระ มันไม่อยากเอาหน้าเอาตา มันก็ไม่กระทบกระทั่งกับใคร ถ้ามันอยากดี อยากโด่ง อยากอยากเด่น อยากดัง แต่คนที่ไม่ต้องกระทบรอบด้าน ถ้าทำความดีเอาหน้าไม่ปิดทองหลัง เพราะนี่ก็ขอยืมคำพูดของพระเยซูมาใช้ พระเยซูสอนว่าทำบุญอย่าเป่าแตร......มือซ้ายทำบุญอย่าให้มือขวามันรู้ มันจะเป่าแตร มือขวาทำบุญอย่าให้มือซ้ายมันรู้มันจะเป่าแตร ทำบุญอย่าเป่าแตร ผู้ไม่เป่าแตรก็ไม่กระทบกระทั่งกับใคร ทุกคนสมัครเป็นผู้ปิดทองหลังพระว่าจะไม่มีการซัดกันในกลางสภา เพราะว่ามันจะปิดทองหน้าพระ
ขอให้ทุกคนเป็นนักการเมืองสมัคร เป็นผู้ปิดทองหลังพระเถิด อธิษฐานจิตเป็นผู้ปิดทองหลังพระเถิด ไม่มีความเห็นแก่ตัว รับที่จะปิดทองหลังพระ ไม่มีตัวกู ไม่มีของกู ไม่เห็นแก่ตัวมันจะเห็นแก่อะไรลองคิดดู ถ้าไม่เห็นแก่ตัวก็ต้องเห็นแก่ผู้อื่น เห็นแก่ความถูกต้อง ต้องเห็นแก่ความถูกต้อง จะเห็นแก่ผู้อื่นแล้วมันจะกระทบกระทั่งกันได้อย่างไรเล่า มันจะขัดแย้งกันอย่างไรเล่า มันไม่มีการก้าวก่ายด่าทอ ทิ่มแทงด้วยหอกปาก หอกปากนี่ร้ายกว่าหอกธรรมดา มันไม่มีการทิ่มแทงด้วยหอกปากในรัฐสภา ก็จะกลายเป็นสภาของสัตบุรุษ คือ
ขอสรุปความในที่สุดนี้ว่า การเมืองคือเรื่องของการมีสันติภาพโดยไม่ใช้อาชญา ถ้าใช้อาชญาก็เป็นการป่า ไม่ใช่การเมือง เป็นการป่า ของคนป่า ...
....การเมืองคือเรื่องจัดคนทั้งเป็นทั้งหมดให้มีสันติภาพโดยไม่ต้องใช้อาจยามีอยู่แล้วในความรู้สึกของสิ่งที่มีชีวิต แต่มันมากลายเป็นคนโง่ คนดื้อ คนบ้าที่รั้งมันทำเสียอย่างตรงกันข้าม ขอแสดงความหวังว่านักการเมืองที่แท้จริงจะกลับมา จะช่วยกันจัดโลกนี้ คนทั้งหมดนี้ให้อยู่กันอย่างผาสุข โดยไม่ต้องใช้อาชญา ยึดถืออุดมคตินี้ เป็นเครื่องดำเนินชีวิตแห่งตนแห่งตนแล้วมีความสุขสวัสดีอยู่ทุกทิพาราตรีกาลเทอญ...”