เสรี พงศ์พิศ

Fb Seri Phongphit

“ผมมาจากประเทศที่สวยงาม มีป่าอะเมซอน เทือกเขาแอนดิส และมหาสมุทร แต่เป็นความ สวยงามที่เปื้อนเลือด” คำขึ้นต้นบนเวทีสหประชาชาติที่นิวยอร์ก 20 กันยายน 2022 ของนายกุสตาโว เปโตร ประธานาธิบดีของโคลอมเบีย ที่พูด 20 นาทีโดยไม่ดูกระดาษเลย

เป็นการพูดที่ยอดเยี่ยมที่สุดบนเวทีแห่งนี้ ที่ผู้พูดต้องเตรียมตัวมาอย่างดี เพราะรู้ว่ากำลังพูดกับ “โลกทั้งใบ” ที่มีการถ่ายทอดสดและบันทึกส่งต่อทางสื่อต่างๆ โดยเฉพาะทางยูทูบ ทั้งภาษาสเปน และมีแปลเป็นอังกฤษทั้งเสียงและซับไตเติล  

ไม่น่าเชื่อว่า บนเวทีการเมืองจะมีภาษาที่งดงาม ที่ไม่ใช่การแสดงโวหารการตีฝีปาก แต่มาจากแนวคิดทางปรัชญาเชิงวิพากษ์ ที่ก่อเกิดวาทกรรมใหม่ โดยการเลือกใช้ภาษาของผู้ที่รู้ว่า “ภาษาคืออำนาจ”

เป็นการพูดที่แรงในเนื้อหา แต่ด้วยสำนวนภาษาระดับวรรณกรรม ที่ทำให้คิดถึง “หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว” ของกาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ นักเขียนรางวัลโนเบลชาวโคลอมเบีย

เขาตั้งคำถามว่า “ความรุนแรงและความสวยงามไปด้วยกันได้อย่างไร ความตายอันน่าสะพรึงกลัวเกลือกกลั้วอยู่ในความงามได้อย่างไร ใครทำลายเสน่ห์ของความงามเหล่านี้ด้วยการสร้างความหวาดกลัว ใครทำลายชีวิตด้วยแนวคิดว่าด้วยความมั่งคั่งและผลประโยชน์  ใครคือผู้ทำลายชาติหนึ่งและประชาชนของชาตินั้น”

ประเด็นใหญ่ของการพูดของนายเปโตร คือเรื่องยาเสพติด ที่เขาบอกว่า โลกกำลังจะดับ มนุษยชาติกำลังจะสูญพันธุ์ด้วยฝีมือของมนุษย์เอง เพราะการแก้ปัญหายาเสพติดที่ล้มเหลว และปัญหาโลกร้อนที่ไม่ได้ผล

เขาบอกว่า ป่าคือที่มาของออกซิเจน ที่ซับเอาคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ พืชที่ดูดซับมากที่สุดชนิดหนึ่ง คือโคเคน พืชศักดิ์สิทธิ์ของชาวอินคา พืชที่ถูกตามล่ามากที่สุด ปลูกที่ไหนก็ตามไปทำลาย  มหาอำนาจโลกชี้นิ้วไปที่ป่าอะเมซอน (ที่ส่วนหนึ่งอยู่ในโคลอมเบีย) โทษคนปลูกโคเกน ซึ่งตายและถูกไล่ล่าจับขังคุกเป็นแสนเป็นล้าน ขณะที่คนอเมริกันผิวดำ 2 ล้านคนติดคุกเพราะยาเสพติด

เขาประณามพวก “มือถือสากปากถือศีล” (hypocrite) ที่บอกว่าอนุรักษ์ป่า แต่ทำลายป่า เผาป่า ทำลายความหลากหลายทางชีวภาพ ที่ซับมลพิษจากโลกร้อน ที่คนเหล่านี้แพร่พิษให้โลกด้วย “ถ่านหินและน้ำมัน” ที่ต้องได้รับการปกป้อง อันมาจากการเสพติดการบริโภค อำนาจและเงินตรา อำนาจโลกที่อยุติธรรมและไร้เหตุผล “พวกเขากล่าวโทษพืช คนปลูก อ้างว่าไม่ใช่ความผิดของตลาด เป็นความผิดของป่าและคนที่อยู่ในนั้น  เป็นความสับสนแบบโง่ๆ ของการบริโภคกับความสุข ทำให้คนแสวงหาเงินทอง”

“จากละตินอเมริกาที่บาดเจ็บ” นายเปโตรเรียกร้องให้จบสงครามที่ไร้เหตุผลเพื่อปราบปรามยาเสพติดที่ทำกันมา 40 ปีแต่ล้มเหลว ยาเสพติดมีแต่เพิ่ม เพราะภารกิจนี้ไม่ได้ต้องการสงคราม แต่ต้องการสังคมที่ดีกว่าที่เราต้องร่วมกันสร้าง รวมพลังกันด้วยความเมตตา ซึ่งจะช่วยคนให้พ้นจากการเสพติดและการเป็นทาสได้ดีกว่า

เขาย้ำว่า เพื่อยุติยาเสพติดต้องลดกำไร เพิ่มความรัก “โปรดคิดถึงการใช้อำนาจที่มีเหตุผล และอย่าได้ทำลายควาสวยงามของประเทศของผมด้วยยาพิษของพวกคุณ ช่วยพวกเราโดยไม่ต้องปากว่าตาขยิบ เพื่อช่วยป่าอะเมซอน ช่วยชีวิต และมนุษยชาติ”

“ที่ต้องรับผิดชอบการเสพติดคือยา ไม่ใช่ป่า ถ้ายังทำสงครามยาเสพติดกันแบบนี้ คนแอฟโฟรอเมริกันอีกหลายล้านคนจะตายและติดคุก เราจะเห็นทุ่งหญ้าป่าเขาเต็มไปด้วยเลือด ความตายของประชาธิไตยในอเมริกาบ้านผม และในอเมริกาที่พูดภาษาอังกฤษ ที่กำเนิดประชาธิปไตย”

นายเปโตรโยงเรื่องยาเสพติดกับเรื่องโลกร้อนว่า “นักวิทยาศาสตร์ของพวกคุณบอกว่า โลกจะล่มสลายเพราะมนุษย์เอง และไม่ต้องรอเป็นพันปีหรือร้อยๆ ปี แต่พวกคุณก็เอาสงครามมาเป็นข้ออ้างว่า ทำให้ลดมลพิษไม่ได้  และสงครามก็ตามกันมา ยูเครน อีรัก ลิเบีย ซีเรีย เพื่อน้ำม้นและก๊าซ”

คำถามของนายเปโตรที่ช็อกหลายคน คือ “อะไรเลวร้ายกว่ากัน โคเคน ถ่านหินหรือน้ำมัน”

วันนี้เห็นแล้วว่า โลกร้อนทำให้เกิดภัยธรรมชาติ ขาดน้ำ คนหนีความแห้งแล้งจากทางใต้ขึ้นไปทางเหนือ แล้วเราก็ได้เห็นค่ายนรกกักกันจากปี 1933 แพร่มาถึงวันนี้ทั่วไป เอาคนหนีภัยเหล่านี้เข้าค่ายกักกัน

“อากาศเปลี่ยน ไวรัสมา พวกคุณก็ทำวัคซีนเป็นสินค้า ทำยาเป็นธุรกิจ มนุษยชาติเป็นเฟรงเคนสไตน์ ปล่อยให้ตลาดจัดการตนเอง ให้ความต้องการกำไรไปครองโลก แบบไม่มีหัวใจและไร้ความคิด”

“ความโลภกำราบความมีเหตุผลของมนุษย์ เราใส่ใจแต่เรื่องสงครามแทนที่จะสนใจให้มนุษยชาติรอด  นี่คืออวสานแห่งปัญญามนุษย์ โลกร้อนจะคร่าชีวิตคนเป็นร้อยๆ ล้าน ความหายนะของอากาศไม่ได้มาจากโลก (planet) แต่มาจากทุน (capital) ที่เราบริโภคมากขึ้น ผลิตมากขึ้น เพื่อรายได้มากขึ้น การใช้พลังงานจากถ่านหินและน้ำมัน เป็นที่มาของเฮอริเคนที่ร้ายแรงขึ้น ความล้มเหลวของมนุษยชาติในอะเมซอน”

เขาย้ำว่าอย่าได้มือถือสากปากถือศีลกันเลย ควรยอมรับความจริงที่เราหลับหูหลับตามานาน “เราปิดบังความจริง ป่าฝนจะตาย ประชาธิปไตยจะล่มสลาย”

นายเปโตรขอให้ร่วมมือกันให้จบเรื่องยาเสพติด โดยเรียกร้องให้มีการเสวนา ให้ละตินอเมริกาผนึกพลังกันเป็นอันดับแรก สงครามไม่ว่าที่ยูเครนหรือที่ไหน คือ “กับดักของความไร้เหตุผล” ที่ควรยุติและได้สติกัน

“สันติภาพเท่านั้นจะช่วยชีวิตในโลกนี้ให้รอดได้ ไม่มีสันติภาพถ้าปราศจากความยุติธรรมทางเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อม ถ้าไม่มีสันติภาพกับโลก (planet) จะไม่มีสันติภาพระหว่างประชาชาติ (nations)”

“100 ปีแห่งความโดดเดี่ยว” ของกาเบียล การ์เซีย มาร์เกซ เป็นประวัติศาสตร์ชาวบ้านโคลอมเบียผู้แพ้  “40 ปีแห่งความล้มเหลว” ของกุสตาโว เปโตร บอกว่าทุกคนแพ้ ทั้งโคลอมเบีย มหาอำนาจและสหประชาชาติ

นายเปโตรให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า เพื่อแก้ปัญหายาเสพติดและโลกร้อนถึงรากถึงโคน ทุกฝ่ายต้องปรับกระบวนทัศน์ใหม่ ไม่ใช่สร้าง “ระเบียบโลกใหม่” แต่ “ระบบโลกใหม่” เพื่อสังคมโลกที่ดีกว่า ยุติธรรมกว่า