ความเงียบอาจจะเป็นการดี สำหรับบางสถานการณ์ แต่ย่อมไม่ใช่กับ ทุกสถานการณ์ เพราะอย่างน้อยที่สุด การเงียบงัน อยู่ในความสงบของ บิ๊กตู่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และเจ้าของรหัส สนามไชย1 ด้วยการหยุดปฏิบัติหน้าที่ สร.1 ตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ นับตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.65 จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย นั้นได้สะท้อนให้เห็นแล้วว่า คลื่นลมการเมือง โหมเข้าใส่รัฐบาล ตลอดจน แนวร่วมบิ๊กตู่ อย่างหนักหน่วง !
หากไม่นับการลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 2ก.ย.65โดยไป ติดตามสถานการณ์แม่น้ำเจ้าพระยาและการปฏิบัติงานของศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพในพื้นที่ วัดกษัตราธิราชเจ้า จากนั้นในวันที่ 9 ก.ย.65 พล.อ.ประยุทธ์ ไปเป็น ประธานพิธีปิดการศึกษา หลักสูตร วปอ.รุ่นที่ 64 ณ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ กทม. ที่ผ่านมา เท่ากับว่าพล.อ.ประยุทธ์ เก็บตัวทำงานอยู่ที่กระทรวงกลาโหม ไม่ปรากฎตัวออกสู่สาธารณะ อีกเลย
เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในภาวะ wait and see รอลุ้นฟังคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 30 ก.ย.นี้ แต่ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองที่ทุกพรรค ทุกขั้วต่างพากันไปรอที่ จุดสตาร์ท เตรียมออกตัวลงสนามเลือกตั้ง กันอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็น พรรคฝ่ายค้าน อย่าง พรรคเพื่อไทย ที่วันนี้แบกน้ำหนัก และความคาดหวังของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯในฐานะเจ้าของพรรคตัวจริง ว่าพวกเขาจะต้องชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายเท่านั้น
หรือพรรคร่วมรัฐบาล อย่างพรรคประชาธิปัตย์และ พรรคภูมิใจไทยที่ฟาดฟันกันดุเดือดผ่านเวทีปราศรัยหาเสียง หรือแม้แต่พรรคเล็ก ที่ยังต้องมาเตรียมจัดทัพ ปรับรูปแบบการต่อสู้กันใหม่ เพื่อไม่ให้สูญพันธุ์ แต่สำหรับ พรรคการเมืองที่ยึดโยงกับภารกิจการสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ ต่างอยู่ในภาวะที่ยากลำบากไม่น้อย
ยิ่งเมื่อพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ปรากฏตัว ส่งสัญญาณใดๆทางการเมือง ยิ่งทำให้เกิดกระแส ข่าวลือ ที่สะพัดกันไม่หยุดหย่อน โดยเฉพาะภาวะที่พรรคพลังประชารัฐ อาจประสบปัญหา ทัพแตก เพราะแม้ในพรรคจะมี บางส่วน ต้องการหนุน บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ทำหน้าที่รักษาการนายกฯ ขึ้นเป็นนายกฯหากพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ไปต่อก็ตาม แต่อย่าลืมว่า ยังมีอีกหลายกลุ่มการเมืองที่ขึ้นตรงกับพล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้นจึงเท่ากับว่าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้เป็นเอกภาพ อย่างแท้จริง !
อย่างไรก็ดี เกมการเมืองวันนี้ หลายฝ่ายกำลังจับตาว่า แม้พล.อ.ประยุทธ์ จะได้ ไปต่อ แต่อาจต้องเผชิญหน้ากับ กระแสการเมืองที่เริ่มเปลี่ยนทิศเปลี่ยนทาง
โดยเฉพาะ เพลย์เมกเกอร์ บนกระดานการเมือง ตัวหลักในฐานะ ผู้กำกับการเล่น ถูกขีดวงเอาไว้ที่ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร กับ อดีตนายกฯทักษิณ ที่ต้องสู้ในสงครามครั้งสุดท้าย ผลักดันให้พรรคเพื่อไทย ได้เสียงข้างมากให้ได้
หมายความว่า การเว้นวรรคไปจากสังเวียนการเมือง ของพล.อ.ประยุทธ์ นับจากวันที่ 24 ส.ค.65 จนถึงวันนี้ ดูเหมือนว่า อะไรๆ ก็อาจไม่เหมือนเดิม เกมในมือก็เหมือนกับ หลุดเลย ไกลออกไป !