สถาพร ศรีสัจจัง

สหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณูถล่มเมืองฮิโรชิม และนางาซากิของประเทศญี่ปุ่น!

สหรัฐฯทำสงครามแบ่งแยกประเทศเกาหลีเป็นเหนือ-ใต้!

สหรัฐฯกรีธาทัพเข้าอินโดจีน ทิ้งระเบิดถล่มเวียดนาม-ลาว-กัมพูชา

สหรัฐฯบุกอิรัก-ประหารประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน

สหรัฐฯบุกลิเบีย-ประหาร ท่านผู้นำโมฮัมมาร์  กัดดาฟี

สหรัฐฯหนุนรัฐประหารในชิลี-สังหารประธานาธิบดีอัลเยนเด

สหรัฐฯ “หาเรื่อง” และฆาตกรรมผู้นำทางการทหารคนสำคัญของอิหร่าน!

สหรัฐฯก่อสงครามกลางเมืองในเยเมนและซีเรีย

สหรัฐอเมริกาและยุโรปในนาม “นาโต้” หนุนยูเครนรบรัสเซีย! เพื่อค้าขายอาวุธยุทธปัจจัย

สหรัฐฯวางหมากการเมือง หนุนรัฐบาลไต้หวันยุให้ขัดแย้งกับสาธารณรัฐประชาชนจีน! เพื่อขายอาวุธยุทธปัจจัยและเพื่อผลได้ทางยุทธศาสตร์ของตัวเอง!

สหรัฐฯหนุนอิสราเอลถล่มประชาชนปาเลสไตน์

ฯลฯ

นี่คือตัวอย่างเล็กๆน้อยๆของสงครามและความขัดแย้งใหญ่ๆในโลก ที่ “พี่เบิ้ม” อย่างประเทศ สหรัฐอเมริกาเข้าไปเกี่ยวข้องกับชาวโลก นับแต่ได้สถาปนาตัวเองเป็น “ผู้นำโลกเสรี” หรือ “ฝ่ายประชาธิปไตย” มาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2

ลองนึกภาพง่ายๆเพียงว่า ในแต่ละความขัดแย้งหรือในแต่ละสงครามเหล่านั้น  ต้องมีชีวิตคนพื้นถิ่นของแต่ละประเทศดังกล่าวต้องสังเวยแก่ “พ่อค้าสงคราม” (ในนามเพื่อพิทักษ์ “ฝ่ายประชาธิปไตย” หรืออะไรก็แล้วแต่)ไปสักเท่าไหร่กัน?

รบกันไปรบกันมา ประเทศเหล่านั้นส่วนใหญ่ก็ยิ่งพินาศ ยิ่งยากจน ยิ่งหมดทรัพยากร ผู้คนยิ่งทุกข์ยากลำบาก ยิ่งบ้านแตกสาแหรกขาด ฯลฯ ไม่ได้ “พัฒนาไปสู่ความทันสมัย” ตามคำโฆษณาชวนเชื่อของ “ลูกพี่” หรือ “มหามิตรผู้หวังดี” อย่างสหรัฐอเมริกาสักที!

มีแต่สหรัฐฯ(โดยเฉพาะกลุ่มทุนใหญ่ต่างๆในประเทศนั้น)เท่านั้น ที่ได้รับผลประโยชน์ ทั้งโดยตรงและโดยอ้อมอย่างมหาศาล เรียกว่า จนเหลือคณานับ !

เอาเพียงแค่ในวงกลุ่มผลประโยชน์ที่มีส่วนในการผลิตและค้ายุทธปัจจัยหรือปัจจัยเกี่ยวกับสงคราม นับตั้งแต่เครื่องบินรบ โดรน เครื่องยิงและขีปนาวุธ ปืน หลากระบบ และหลากชนิด ลูกกระสุน ระเบิด เคมีภัณฑ์ และยุทธปัจจัยอื่นๆอีกจำนวนมหาศาล เพียงประการเดียว

ก็โกยผลโยชน์เป็น “กำไร” เงินตราจากบรรดาประเทศลูกกะโล่ ที่เป็น “เหยื่อ” ของกระแสความกลัวสงครามและความกลัวสิ่งที่เรียกว่า “ระบบอำนาจนิยม” (คำใหม่แทน “คอมมิวนิสต์”) ตามที่สหรัฐฯสร้างโมเดลขึ้นให้เชื่อตามอย่างน่าสังเวช

ทั้งยังนำ “ชาวโลก” เข้าสู่ภาวะตึงเครียด จิตตก หวาดกลัว และ ไร้หวัง อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน!

ทั้งเงินที่แต่ละประเทศนำมาเพื่อ “เพิ่มงบกลาโหม” หรือซื้ออาวุธจากสหรัฐอเมริกา(และกลุ่มประเทศค้าอาวุธเพียงไม่กี่ประเทศ)ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเงินภาษีที่ “รีด” มาจากชนชั้นใช้แรงงานของประเทศนั้นๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม

ระบบประชาธิปไตยนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถ้าใครไม่เขื่อก็ลองดูประเทศไทยแลนด์เป็นตัวอย่างก็ย่อมได้!

นับแต่ “จอมพลผ้าขะม้าแดง” สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้เชื้อเชิญมหามิตรอย่างสหรัฐฯเข้ามา “วางแผนพัฒนาประเทศไปสู่ความทันสมัย” ให้ มาตั้งแต่ต้นทศวรรษ 2500 จนถึงปัจุจบัน ล่วงถึงกลางทศวรรษ 2560

เข้าแล้ว สถานการณ์บ้านเมืองไปกันถึงไหนแล้ว ดูดีขึ้นบ้างหรืออย่างไร?

ระบบเศรษฐกิจ ระบบการเมือง ระบบสิ่งแวดล้อม ระบบทรัพยากรธรรมชาติ ฯลฯของประเทศละดีขึ้นเจริญขึ้น หรือกำลังจะล่มสลาย?

ระบบการเมืองหรูเฟ่ที่เรียกกันเสียโอ่อ่าว่า “เสรีนิยมประชาธิปไตย” นั้นดูจะเห็นชัดที่สุดว่าล้มลุกคลุกคลานมาตลอดช่วง 60 ปีอย่างไร หรือใครยังไม่เห็น?

เมื่อเทียบกับ “รัฐอำนาจนิยม” อย่างเวียดนามเพื่อนบ้านละ  เมื่อถึงวันนี้ ดูใครจะมีอนาคตได้ “กินอิ่ม นอนอุ่น” มากกว่ากัน?

นี่ไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับ “พี่เอื้อย” แห่งระบบอำนาจนิยม (ตามคำโฆษณาชวนเชื่อของสหรัฐอเมริกา) อย่างสาธารณรัฐประชาชนจีนหรอก

เพราะนั่น เป็น “ระบบอำนาจนิยมที่กินได้” ตัวจริงหรือไม่ใช่?

การที่ตอนนี้บางใครตั้งคำถามขึ้นมาดังๆว่า ท่ามกลาง “วิกฤติโลก” ที่เผ่าพันธุ์มนุษยชาติกำลังเผชิญอยู่ในขณะปัจจุบัน แท้ที่จริงแล้วมีเหตุปฐมฐานอยู่ที่ตรงไหน?

หรือจจะยังไม่เห็นคำตอบ?

หรือใครจะยังไม่เห็น ว่าอาชญากรตัวจริงเสียงจริงที่สร้างระบบ “คนกินคน” และ “ทำลายโลก” ขึ้น (ที่เรียกว่า “ระบบทุนเสรีนิยมผูกขาด”!)ตัวนั้นชื่ออะไร?