แสงไทย เค้าภูไทย

 

จะเกิดอะไรขึ้นหลังเปิดกัญชาเสรี 9 มิ.ย. เป็นต้นไป ?

 

ช่วงเคานต์ดาวน์ มีการจับกุมกัญชาผิดกฎหมายได้หนาตา ทั้งคนปลูก ทั้งนำเข้า มาสวมรอยเป็นกัญชาถูกกฎหมายเมื่อ พ.ร.บ.กัญชาเสรีมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย.นี้

 

ขณะเดียวกันกรมการขนส่งทางบกได้ประกาศเตรียมออกข้อกำหนดห้ามผู้ขับรถสาธารณะใช้กัญชา หากพบมีความผิดแบบเดียวกันกับดื่มแอลกอฮอล์

 

เมื่อกรมการขนส่งฯจะห้ามคนขับรถสาธารณะเสพกัญชา(แล้วขับ) ตำรวจก็ควรจะจัดการกับผู้ขับขี่รถส่วนบุคคลทุกประเภทเสพกัญชาด้วย

 

เมืองไทยยังไม่มีประสบการณ์ในการจับกุมลงโทษผู้เสพกัญชาแล้วขับรถ  เหตุจากยังอยู่ในกฎหมายเก่าที่ยังถือว่ากัญชาเป็นยาเสพติดจนกว่าจะถึง 9 มิ.ย.

 

อย่างไรก็ดี อาจจะมีอุบัติเหตุทางรถยนต์เกิดขึ้นอันมีสาเหตุจากสภาพร่างกายและสมองของผู้ขับขี่ไม่ปกติอันเกิดจากฤทธิ์ของกัญชา ทำให้การตัดสินใจเชื่องช้า เฉื่อยชา เบลอ จนรุนแรงขั้นหลอน ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ เช่นเดียวกันกับผู้ดื่มสุรา

 

ที่ไม่รู้ว่าเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุนั้นก็เพราะ ไม่สามารถตรวจพบสารเสพติดในกัญชาด้วยการตรวจปัสสาวะหรือเป่าลมหายใจแบบตรวจวัดแอลกอฮอล์ได้

 

อยากให้ศึกษาประสบการณ์เปิดเสรีกัญชาของสหรัฐฯและแคนาดาที่เปิดเริ่มเปิดจากใช้ทางการแพทย์ก่อน ปี 2014 จากนั้นจึงเปิดใช้สันทนาการได้จนถึงวันนี้ 30 รัฐ

 

แต่วันนี้ 5 รัฐถอดถอนการอนุญาตใช้ทางสันทนาการ(recreational marijuana) แล้ว

 

เหตุเพราะเกิดเภทภัยมากมายจากการใช้หรือเสพกัญชาอย่างเสรี โดยเฉพาะอุบัติเหตุทางถนน ที่พบว่าจำนวนผู้ขับขี่ที่ก่อเหตุมีสารกัญชาในร่างกายมากกว่าผู้ขับขี่ที่ดื่มสุรา

 

สาเหตุก็คือ ผู้ขับขี่ที่ดื่มสุรานั้น จะเห็นอาการเมาสุราได้ชัด หรือหากสงสัยก็จับมาเป่าลมหายใจตรวจวัดแอลกอฮอล์ หรือตรวจปัสสาวะได้

 

ส่วนผู้ขับขี่ที่เสพกัญชานั้น หากไม่มากจนหลอน ก็จะไม่สามารถตรวจพบสารกัญชาในร่างกายได้เลย

 

ทำไมกัญชาจึงก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนมากขึ้น ?

 

ในกัญชากับกัญชงมีสารสำคัญ 2 ชนิดคือ THC กับ CBD โดย THCออกฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท(Psychoactive) ทำให้เมาเคลิ้ม ประสาทหลอน และเกิดโรคจิต(Psychosis) ส่วนสาร CBD มีฤทธิ์ทำให้สงบ ลดอาการวุ่นวาย และต้านฤทธิ์เมาประสาทหลอน

 

ขณะนี้มีการค้นพบสารต่างๆในกัญชาและกัญชงรวมแล้วกว่า 300  ชนิด

 

กัญชามี THC มากกว่า CBD 2 เท่าตัว ขณะที่กัญชงมี CBD มากกว่า THC 2 เท่าตัว

 

ข้อจำกัดในการใช้กัญชา คือ ห้ามใช้ในสัดส่วนที่ได้รับสาร THC 0.5-5% และ CBD ไม่เกิน 5% ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละรัฐ

 

แม้จะมีการจำกัดปริมาณซื้อและคุณสมบัติของผู้ซื้อ  แต่ส่วนใหญ่คนที่ติดกัญชา มักจะมีแหล่งซื้อหรือกัญชาเถื่อนนอกเหนือจาก ที่ซื้อจากร้านที่ได้รับอนุญาต

 

นี่เองคือเหตุผลว่าผู้เสพกัญชา แล้วขับรถ ก่อให้เกิดอุบุติเหตุทางถนนเพิ่มขึ้น

 

กัญชาเถื่อนคือกัญชาที่ผู้ปลูกไม่มีใบอนุญาตปลูกจากหน่วยงานรัฐ

 

ทั้งในสหรัฐฯกับในแคนาดา เมื่อเปิดกัญชาเสรี พบว่ามีกัญชาเถื่อนมากพอๆกับกัญชาที่ปลูกถูกกฎหมายถึงเท่าตัว

 

บ้านเราหลัง 9 มิ.ย.ก็น่าจะมีกัญชาเถื่อน เท่ากับกัญชาถูกกฎหมายระดับนั้น

 

สำหรับผลกระทบนั้น กัญชาเป็นยาเสพติดก็เพราะเมื่อใช้ต่อเนื่องจะต้องเพิ่มขนาดการใช้ตลอด

 

นอกจากนี้สารกัญชายังคงอยู่ในระบบร่างกายผู้เสพได้นาน ยังผลให้เกิดอาการด้านการเรียนรู้ การแก้ปัญหา ความสัมพันธ์ของระบบสมอง อาการเช่นนี้จะเกิดขึ้น 1 ถึง 2 ชั่วโมงหลังเสพ

 

แต่กระนั้นมันยังคงอยู่ในระบบไปจนถึง 24 ชั่วโมง โดยช่วง 3 ชั่วโมงแรกหลังเสพ มันจะทำให้สมรรถนะในการขับขี่ยวดยานลดลง จนทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

 

ที่น่ากังวลที่สุดก็คือ ผู้เสพกัญชาในปริมาณไม่มากจะไม่แสดงอาการ ตรวจไม่พบในปัสสาวะ

 

นอกเสียอย่างเดียวคือเกิดการรถชนกันแล้วตำรวจถือสิทธิ์นำไปตรวจเลือดจึงจะพบสารกัญชาในเลือดได้

 

แต่ก็มีพวกหัวพลิกแพลง ใช้ยาแก้ปวดไอบูโพรเฟ่น (ibuprofen) กินเข้าไปบังตาเครื่องตรวจ

 

ทำให้ต้องใช้กระบวนการตรวจที่ลึกกว่าเดิมมาจัดการ

 

เทียบกับแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์สลายตัวในปริมาณ 0.015 % ต่อ ชั่วโมงและมีจุด cut-off ไปใน 2-5 ชั่วโมง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ดื่ม

 

ส่วน THC มี cut-off point ที่  2-30 วันในปริมาณ 50 ng/ml

 

คนที่ชอบกระทบกระเทียบเปรียบเปรยว่าเหล้ามีอันตรายไม่ต่างจากกัญชา

 

แต่ทำไมกลับจำกัดขอบเขตการใช้กัญชาขณะที่ให้เหล้าดื่มกิน ขาย ได้เสรี

 

ก็ขอให้ดูที่จุดคัตออฟอันเป็นเส้นแบ่งเขต negative อันตรายกับ positive ปลอดภัยก็แล้วกัน

 

นี่เป็นข้อคิดที่เตือนไปถึงกรมการขนส่งฯว่า นอกจากห้ามคนขับเสพกัญชาแล้ว ยังต้องหาเครื่องตรวจวัด THC ที่ตรวจวัดได้ลึกและเห็นผลทันทีมาใช้ตรวจคัดกรองด้วย

 

และยังควรจะครอบคลุมกำหนดห้ามไปถึงผู้ขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลด้วย