เอฟเฟกซ์จากสนามเลือกตั้งกทม. แม้จะผ่านพ้นไปแล้ว 3วัน นับจากวันปิดหีบเลือกตั้งไปจนถึงห้วงเวลาที่รู้ผลอย่างไม่เป็นทางการ ว่า “ผู้ว่าฯกทม.คนใหม่” คือ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้สมัครหมายเลข8 ที่กวาดคะแนนเอาชัยเหนือคู่แข่งไปได้กว่า 1.3 ล้านคะแนนแล้ว ยังน่าสนใจว่า บัดนี้ ทุกพรรคการเมือง ทุกขั้วอำนาจต่างพากัน “ถอดบทเรียน” ทั้งชัยชนะและความพ่ายแพ้ที่ได้รับจากการเมืองสนามเล็ก ที่ไม่ธรรมดารอบนี้ โดยเฉพาะตัวเลขคะแนนการเลือกผู้ว่าฯกทม. ที่ผู้สมัครทั้งที่สังกัดพรรคและในนามอิสระ ได้รับว่าจุดไหน พื้นที่ใด และพรรคไหน ทำแต้มกันไปได้เท่าใด สำหรับพรรคเพื่อไทย ที่ส่งผู้สมัครส.ก. ลงครบทุกเขต สามารถประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจ เพราะกวาดเก้าอี้ส.ก.ไปได้เกินครึ่ง นั่นคือ “19ที่นั่ง” จากทั้งสิ้น 50 เขต ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เอง กำลังถูกตั้งคำถามและถูกจับตามองไม่น้อย เพราะ “ดร.เอ้” สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัคร หมายเลข 4 พลาดหวัง เอาชนะ ชัชชาติไม่ได้ อีกทั้งยังทำคะแนนห่างจากชัชชาติ นับล้านคะแนน โดยสุชัชวีร์ ได้ 254,723 คะแนน ห่างจากผู้ชนะนับล้านแต้ม เพราะชัชชาติ ทำได้ถึง 1,386,769 คะแนน ทุบสถิติการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ที่ผ่านมาทั้งหมดและทุกๆคน อย่างไรก็ดี สิ่งที่เกิดขึ้น สำหรับสุชัชวีร์ ที่ทำให้เกิดปัญหาจนไม่สามารถทำคะแนนได้มากกว่า 2.5 แสนคะแนน เกิดจากปัญหาภายใน “พรรคประชาธิปัตย์” และเงื่อนปม จาก “ปริญญ์เอฟเฟกซ์” แต่สำหรับ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์” ในฐานะหัวหน้าพรรค มองว่าแม้สุชัชวีร์ จะไม่ชนะเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. แต่สามารถทำคะแนนได้ถึงหลักแสน ขณะที่ส.ก.พรรคประชาธิปัตย์ได้ 9 ที่นั่ง หมายความว่า คนกรุงเทพฯ ไม่ทอดทิ้งพรรค “ การเลือกตั้งในพื้นที่กทม.ครั้งนี้ ต้องถือว่าพรรคประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งเพราะอย่างน้อยที่สุดคำปรามาสหลังการเลือกตั้งใหญ่ครั้งที่แล้วที่บอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ จะสูญพันธุ์ก็ไม่ได้เป็นไปตามนั้น คนกรุงเทพฯให้คำตอบว่ายังให้โอกาสกับประชาธิปัตย์อย่างน้อยผู้ว่ากทม. เราก็มาเป็นลำดับที่ 2 ส่วนการเลือกตั้งส.ก. พรรคก็ได้มาถึง 9 คน” สถานการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ยามนี้สามารถมองและประเมินได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นทางบวกหรือลบ โดยเฉพาะ “แรงกระเพื่อม” ที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ จากปัญหา “ปริญญ์เอฟเฟกซ์” จนทำให้ จุรินทร์และผู้บริหารของพรรคนั่งกันไม่ติดมาแล้ว แต่หากมองในมุมของจุรินทร์ ย่อมสะท้อนให้เห็นว่า คนกรุงเทพฯ ยังเปิดใจให้กับประชาธิปัตย์ และจะทำให้พรรคไม่สูญพันธุ์ น่าจะเป็นความหวังสำหรับ การเลือกตั้ง “สนามใหญ่” ในกลางปีหน้า ทว่าจะมุมเดียวกับ “ฝ่ายตรงข้าม” ภายในพรรคที่เคยออกมาเรียกร้องกดดันจุรินทร์ ระลอกใหม่ อีกหรือไม่ ต้องลุ้นกันอีกช็อต !