การเมืองส่งผลต่อเศรษฐกิจที่เปราะบาง

ดร.วิชัย พยัคฆโส [email protected] การเมืองที่อยู่ในความสนใจของชาวโลกคือฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศที่มั่งคั่งประเทศหนึ่งของยุโรป ได้ประธานาธิบดีคนใหม่ แต่เป็นคนเก่าที่จะต่อสู้กับความท้าทายของโลกอีก 5 ปีข้างหน้า จากคะแนนเสียงที่เลือกตั้ง 58:42% ทำให้ “มาครง” ยังนั่งตำแหน่งเดิมเป็นสมัยที่ 2 โดยประกาศว่าจะเป็นประธานาธิบดีของชาวฝรั่งเศส ที่พยายามจะเป็นประเทศที่มั่งคั่งในยุโรปเทียบเท่าเยอรมนี ตอบโต้ “เลอเพน” ว่าเป็นประธานาธิบดีของคนรวย หันกลับมาดูประเทศที่อยู่ในเอเชีย ศรีลังกาทำท่าว่าจะล้มละลาย เพราะมีหนี้สินมากมาย และกำลังขอความช่วยเหลือจากนานาประเทศ โดยเฉพาะการขอกู้เงินจาก IMF มาใช้จ่าย เพราะประชาชนเดือดร้อนจากค่าครองชีพ โดยเฉพาะด้านพลังงานที่จะต้องนำเข้า ทำให้รัฐบาลต้องหยุดการให้บริการด้านพลังงาน เป็นเรื่องที่ประชาชนเดือดร้อนมากที่สุด เมียนมาเป็นอีกประเทศหนึ่งที่เจอมรสุมการเมืองและโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจทรุดต่ำลง ส่งผลให้มีประชากรว่างงานถึง 1.6 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อาจทำให้การย้ายถิ่นฐานมาทำงานในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลไทยจะต้องควบคุมทั้งด่านที่เป็นทางการ และตามธรรมชาติมิให้ลักลอบเข้ามาทำงานในบ้านเราอย่างผิดกฎหมาย การเมืองของไทยเริ่มปลุกกระแสการเลือกตั้งครั้งใหญ่ในพรรคต่างๆ ประชุมใหญ่สามัญประจำปีกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะประชาธิปัตย์ที่มีคดีอื้อฉาวของอดีตรองหัวหน้าพรรคโดยคดีอนาจารและข่มขืนหลายคดีมากถึง 15 รายเข้าแจ้งความ ได้ส่งผลให้ระดับรองหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคได้ออกมาขอโทษประชาชนและบางคนได้ลาออกจากการเป็นกรรมการบริหารพรรค เพื่อแสดงความรับผิดชอบกันหลายราย ลูกพรรคที่เห็นว่าพรรคตัวเองคงมีแต่ความตกต่ำลงเรื่อยๆ ต่างลาออกไปสังกัดพรรคอื่นทั้งที่มีโอกาสจะคว้าชัยชนะจากการเลือกตั้งครั้งใหม่ พรรคเพื่อไทยประกาศก้องจากการเลือกตั้งที่กำลังจะถึงให้เป็นแลนด์สไลด์เพื่อครอบครองเสียงข้างมากและเป็นรัฐบาล แต่จะสำเร็จหรือไม่ เพราะพรรคอื่นๆก็มีเป้าหมายที่จะให้คะแนนเสียงเพิ่มขึ้นเช่นกัน น่าจะยากสำหรับพรรคเพื่อไทย น้ำมันดีเซลทำทีว่ารัฐบาลจะต้านไม่ไหวมีแนวโน้มให้ต้องปรับราคา ซึ่งจะแพงขึ้นเป็นลิตรละ 41 บาท รัฐบาลต้องหาวิธีการรับมือกับสินค้าที่ราคาจะพุ่งขึ้นตามราคาค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นและให้คำตอบกับบรรดารถขนส่งที่เรียกร้องอยู่ในขณะนี้