ดร.วิชัย พยัคฆโส
[email protected]
ปัญหารุมเร้าพลเอกประยุทธ์ เพิ่มมากขึ้นอาจทำให้นายกฯต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งก่อนครบวาระ จากกรณีของพรรคร่วมรัฐบาลขัดแย้งกันเอง โดยพรรคภูมิใจไทยไม่ยอมเข้าประชุม ครม.ทั้ง 7 คนในประเด็นความขัดแย้งกับกระทรวงมหาดไทย เรื่องของการไฟฟ้าสีเขียวที่ผ่านมาจนกลายเป็นมหากาพย์ไปแล้ว
นอกเหนือจากกรณีของความขัดแย้งภายใน ครม.เองแล้วยังมีปัญหามากมายที่รุมเร้าให้นายกฯตู่ต้องแก้ปัญหาหนักอกมากมายไม่ว่าจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาในสภาและนอกสภาที่รอการแก้ไขกันอยู่ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องยากๆทั้งสิ้น
หนี้สินของคนจนเพิ่มมากขึ้นจาก 8 ล้านกว่าคนมาเป็น 11 ล้านและ14 ล้าน และกำลังจะเป็น 20 ล้านจากการที่กระทรวงการคลังจะสำรวจเพิ่มทั้งๆที่มาตรการเข้มกว่าเดิมเพราะประชาชนมีหนี้สินถึง 92.5% GDP ซึ่งมากเกินกำลังจะแก้ไข
น้ำมันขึ้นราคาไม่หยุด คาดว่าไตรมาส3จะมีราคาของโลกพุ่งถึง 100 เหรียญ/บาร์เรล ส่งผลให้ข้าวของขึ้นราคากันระนาวจากต้นทุนค่าขนส่งเพิ่ม อันรวมถึง NGV และ LPG ในกลุ่มแท๊กซี่และก๊าซหุงต้มในเดือน เม.ย.นี้ รัฐบาลต้องออกแรงดึงเหงื่อจากที่จะต้องทำความเข้าใจกับกลุ่มรถบรรทุกที่จะปักหลักขับไล่รัฐมนตรีพลังงานเพราะไม่สามารถปรับแก้โครงสร้างราคาน้ำมันได้
การประชุมสภาผู้แทนราษฎรล่มมาแล้วถึง 17 ครั้ง เป็นประวัติศาสตร์การเมืองไทย เพื่อบีบให้นายกรัฐมนตรียุบสภาเพื่อเลือกตั้งกันใหม่และยังมีทีท่าจะล่มอีกหลายครั้ง
แต่ที่แน่ๆในเดือน พ.ค.นี้ รัฐบาลจะถูกญัตติความไม่ไว้วางใจ และ พ.ร.บ.งบประมาณปี 66 อีก 2 เรื่อง เป็นภาระหนัก เพราะฝ่ายค้านจริงจังที่จะกดดันนายกรัฐมนตรีให้ลาออกหรือยุบสภา
รัฐบาลเตรียมที่จะอยู่ต่อให้ครบเทอม โดยแตกแบงก์พันออกไปเตรียมไว้ทั้งพรรครวมไทยสร้างชาติที่ ดร.เสกสกล ลาออกจากพลังประชารัฐไปเป็นผู้ดำเนินการ และยังมีพรรคไทยสร้างสรรค์อีกพรรคหนึ่งที่ซุ่มเงียบเตรียมความพร้อมเพื่อหนุนพลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป
พรรคพลังประชารัฐได้รับความนิยมน้อยลงเพราะมีแต่ส.ส.ลาออกไปสังกัดพรรคร่วมที่เกิดใหม่ จนทำให้พรรคพลังประชารัฐคงหมดโอกาสจะกลับมาเป็นรัฐบาลในครั้งต่อไป
ล้วนแล้วแต่เป็นปัญหาที่จะกดดันนายกรัฐมนตรีอาจต้องพิจารณาว่าจะยุบหรือยื้อต่อไปให้ครบเทอม ถึงอย่างไรนายกรัฐมนตรีคงไม่ยอมแพ้ง่ายๆเพราะการประชุม APEC รออยู่ในเดือน พ.ย.ปีนี้