แสงไทย เค้าภูไทย
ภาวะเงินเฟ้อกระจายไปค่อนโลก สาเหตุจากราคาสินค้าสูง เหตุจากต้นทุนผลิตสูง โดยเฉพาะสินค้าเกษตร เนื่องจากปุ๋ยขาดแคลน น้ำมันขยับขึ้น
ปี 2022 ผ่านมาแล้ว 1 เดือน ภาวะเงินเฟ้อก่อตัวไปในประเทศยักษ์ใหญ่เศรษฐกิจโดยเฉพาะสหรัฐฯยังคงทรงตัวสูงสุดในรอบทศวรรษ สาเหตุจากราคาสินค้าสูงขึ้น
หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ที่ปกติรายงานข่าวและบทความเกี่ยวกับตลาดหุ้น คลาดสินทรัพย์ย่านวอลสตรีต แต่เมื่อ ต้นสัปดาห์รายงานว่า ขณะนี้โลกกำลังขาดแคลนสินค้าจำเป็น 2 ชนิดคือปุ๋ยเคมีกับชิปคอมพิวเตอร์ โดยความขาดแคลนนี้จะคงอยู่ไปตลอดปีนี้
ปุ๋ยที่ขาดแคลนคือไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) โพแตสเซียม (K)อันเป็นปุ๋ยหลักใช้กันทั้งโลกในการเพาะปลูก
ความขาดแคลนทำให้ราคาปุ๋ยแพงขึ้น 2-4 เท่าตัว ต้นทุนผลิตแพงตาม ยิ่งตอนนี้ กลุ่มโอเปกลดเพดานผลิตน้ำมัน ก็ยิ่งซ้ำเติม เพราะราคาน้ำมันเป็นต้นทุนสำคัญอีกตัวหนึ่ง
เกษตรกรบ้านเราใช้ใส่เครื่องยนต์ชักน้ำเข้านา เข้าสวน เข้าไร่ รดน้ำพืชผักในไร่ในสวน ใส่รถอีแต๋นขนพืชผักผลไม้ไปส่งตลาด พ่อค้าแม่ขายขนสินค้าไปขาย ฯลฯ
ปุ๋ยขาดแคลนทำให้เกษตรกรหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์เสริม กระทรวงเกษตรหลายประเทศแนะนำให้เกษตรกรทำปุ๋ยหมักใช้เอง อย่างสหรัฐฯก็ให้ใช้หมักขยะจากครัว
ขณะที่เกาหลีเหนือ รัฐบาลขอให้เกษตรกรหมักปุ๋ย “โฮมเมด”โดยใช้อุจจาระเป็นวัตถุดิบ
นับแต่เดือนนี้ (ก.พ.) ไป ราคาสินค้าจะขยับขึ้นสูงที่สุดในรอบทศวรรษนี้ อัตราเงินเฟ้อสหรัฐก็เช่นกัน
ชาววอลสตรีตพากันกังวลว่าธนาคารกลาง (Fed) จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ขณะนี้อยู่ที่ 0-0.25% เป็น 0.50% เพื่อสกัดเงินเฟ้อและลดวงเงิน QE ที่เคยอัดลงไปในตลาดทุนเสริมสภาพคล่อง ดัชนีหุ้นทุกตลาดติดลบแดงเถือก 3-4 วันติดต่อกัน
เงินเฟ้อและราคาสินค้า โดยเฉพาะอาหารซึ่งได้จากผลผลิตเกษตรเป็นหลัก จะเป็นปัญหารุนแรงหลังการระบาดของโควิด-19
โลกที่ 3 จะเผชิญต่อความอดอยากหิวโหย เฉพาะแอฟริกาทวีปเดียว ผลกระทบจะส่งถึงประชากรกว่า 100 ล้านคน
ย่านอาเซียนแหล่งป้อนน้ำมันปรุงอาหารราคาต่ำจากปาล์มและมะพร้าว กำลังผลิตจะลดลง เพราะต้นไม้ขาดปุ๋ย
เช่นเดียวกันกับข้าว ที่โตช้าและไม่งาม ให้ผลผลิตลดลง
บ้านเราตอนนี้เกษตรกรพากันเรียกร้องให้รัฐบาลหาปุ๋ยราคาถูกมาช่วย ทั้งนี้เพราะ มิใช่แต่ราคาแพงอย่างเดียว หากแต่ยังหายากอีกด้วย
สำหรับความขาดแคลนอีกด้าน คือชิปสำหรับคอมพิวเตอร์
ดูเผินๆแล้ว ก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับราคาสินค้าแพง
แต่กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐบอกว่าเกี่ยว เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทาน ( Semiconductor Supply Chain) เพราะมันเป็นจักรกลสำคัญในการขับเคลื่อนข้อมูล ( data-driven information)
อุตสาหกรรมการผลิตแทบทุกด้าน บริการทางการแพทย์ การสาธารณสุข การคมนาคม ร้านค้า การสื่อสาร หรือแม้แต่ครัวเรือน อุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้าน ในคอมพิวเตอร์ ในสมาร์ทโฟน เตาไมโครเวฟ เตาอบ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ฯลฯ
ที่เสียหายหนักที่สุดคืออุตสาหกรรมยานยนต์ มูลค่ากว่า 210 พันล้านดอลลาร์
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ถึงกับให้รัฐบาลทุ่มเทความช่วยเหลือ 52 พันล้านดอลลาร์แก่โรงงานผลิตชิปในประเทศ
เพราะหวังพึ่งผู้ผลิตนอกประเทศไม่ได้ เนื่องจากผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในโลกคือไต้หวัน (63%) และชาติเอเชียอื่นรวมทั้งไทย ครองตลาดชิปคอมพิวเตอร์โลกถึง 87%
แต่ขณะที่ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็มาแทรก ราคาน้ำมันแพงขึ้น จะส่งผลกระทบต่อตลาดสินทรัพย์ถึง 500 พันล้านดอลลาร์
สถานการณ์เหล่านี้ กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ กว่าจะพ้นไปได้ก็ย่างเข้าปี 2023
ระหว่างนี้ จะมีอะไรเกิดขึ้น ยังไม่สามารถคาดเดาได้ ตราบใดที่โควิด-19 ยังไม่ยอมไปไหน