เสือตัวที่ 6
ความพยายามในการก่อเหตุร้ายเพื่อหล่อเลี้ยงกระแสของการต่อสู้ของบรรดาคนในขบวนการแบ่งแยกผู้คนในพื้นที่ปลายด้ามขวานกับรัฐนั้น ยังคงดำรงมั่นอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย แม้ว่าการเวลาจะผ่านพ้นไปเนิ่นนานสักเพียงใด และสถานการณ์ในขณะนี้ที่ไม่ค่อยจะเอื้ออำนวยการต่อสู้ด้วยความรุนแรงด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทุกชีวิตต้องเอาตัวรอดจากการติดเชื้อไวรัสร้ายตัวนี้ไปให้ได้ก่อน ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความไม่พร้อมของเหล่าขบวนการแบ่งแยกผู้คนในพื้นที่ว่า คนเหล่านั้นไม่มีศักยภาพพอที่จะปกป้องหรือปกครองคนในพื้นที่ได้แม้แต่นิดเดียว โดยเฉพาะระบบด้านสาธารณสุขที่คนในพื้นที่ต่างแลเห็นแล้วว่า จำเป็นต้องพึ่งพาการดูแลจากรัฐอย่างชัดเจน ดังนั้นคำถามสำคัญที่บรรดาแกนนำขบวนการแบ่งแยกผู้คนยังหาคำตอบไม่ได้ก็คือ เมื่อแยกการปกครองของคนในพื้นที่ปลายด้ามขวานแห่งนี้ออกจากการดูแลของรัฐไปได้จริงๆ แล้ว คนในพื้นที่จะมีชีวิตที่สุขสบาย ได้รับการดูแลจากรัฐได้ดีอย่างนี้หรือไม่ เป็นคำถามที่คนในพื้นที่ท้องถิ่นที่มีใจเป็นกลางตั้งขึ้น และพยายามได้รับคำตอบจากบรรดาแกนนำขบวนการและแนวร่วมระดับนำทั้งหลายมาโดยตลอด หากแต่หาได้คำตอบที่ชัดถ้อยชัดคำไม่
คำตอบต่อคำถามสำคัญอันนี้ เพียงแต่เป็นคำตอบข้างๆ คูๆ ไปวันๆ หนึ่งว่า ให้ได้แยกการปกครองออกเป็นอิสระจากรัฐก่อนแล้วค่อยมาว่ากัน ซึ่งเป็นคำตอบที่คลุมเครือไร้อนาคตและไม่สามารถจับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรม คำถามที่ว่า จะแยกการปกครองออกไปจากรัฐเพื่ออะไร และหากแยกการปกครองออกไปได้จริงๆ แล้ว วิถีชีวิตของพี่น้องส่วนใหญ่ในพื้นที่ จะดีกว่าที่อยู่ในปัจจุบันหรือไม่อย่างไร โดยเฉพาะศักยภาพในการดูแลสารทุกข์สุกดิบของพี่น้องให้สามารถลืมตาอ้าปากได้ มีสกุลเงินเป็นของตัวเอง มีจำนวนเงินมากพอในการพัฒนาความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ให้ดีขึ้นอย่างในปัจจุบันอย่างไร มีทรัพยากรธรรมชาติอะไรบ้างที่จะเป็นต้นทุนในการทำมาค้าขายระหว่างประเทศเพื่อความเจริญผาสุกของคนในพื้นที่ มีพลังงานไฟฟ้าเป็นของคนในท้องถิ่นเองหรือยัง มีระบบการศึกษาที่มีมาตรฐานพอหรือไม่
และที่สำคัญคือ บรรดาขบวนการร้ายแห่งนี้ มีระบบการรักษาพยาบาล ที่เรียกกันว่าระบบสาธารณสุข ทั้งแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ เวชภัณฑ์ทางการแพทย์ รวมทั้งระบบยารักษาโรคโดยเฉพาะวัคซีนที่จะใช้ป้องกันไวรัสร้ายตัวนี้เหล่านั้น คนในขบวนการแบ่งแยกดินแดน มีความพร้อมเพียงใด จะเทียบเท่าหรือดีกว่าระบบสาธารณสุขของรัฐได้หรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อเกิดโรคระบาดจากไวรัสโควิด-19 ล่าสุด ที่กำลังไล่ล่าทุกชีวิตในโลกใบนี้อย่างบ้าคลั่ง ย่อมสะท้อนให้เห็นเป็นที่ประจักษ์กับผู้คนในพื้นที่ว่า คนในขบวนการไม่มีศักยภาพที่จะทำได้เมื่อเทียบกับระบบสาธารณสุขของรัฐ และการที่จะหวังพึ่งการช่วยเหลือจากองค์กรระหว่างประเทศหรือประเทศมุสลิม ก็ยิ่งเห็นแล้วว่า ณ เวลานี้ เป็นยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ที่ทุกประเทศ ทุกองค์กร ต่างพยายามช่วยเหลือตัวเองเพื่อหนีตายก่อนที่จะช่วยเหลือรัฐอื่น
ในขณะที่คนในขบวนการ โดยเฉพาะแกนนำและกลุ่มคนที่นิยมความรุนแรงหัวคิดสุดโต่ง ยังไม่นำพาสถานการณ์แวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยในการต่อสู้ของขบวนการกับรัฐเช่นกล่าวมาข้างต้นนี้ คนกลุ่มนี้ ยังปฏิบัติการสวนทางกับสถานการณ์แวดล้อมที่ทุกชีวิตในพื้นที่ต่างต้องการความช่วยเหลือจากรัฐด้วยศักยภาพของรัฐที่มีสูงกว่ามากในการปกปักรักษาสุขภาพให้คนในพื้นที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด คนกลุ่มนี้ยังดันทุรังในความพยายามที่จะก่อเหตุร้ายทำลายชีวิตอันเป็นปกติของพี่น้องในพื้นที่ ขัดขวางเจ้าหน้าที่รัฐในการเข้ามาสนับสนุนช่วยเหลือบรรเทาทุกข์และแก้ปัญหาโดยเฉพาะวิกฤติโควิด–19 ที่กำลังระบาดหนักอยู่ในขณะนี้ ที่มีการกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์โอไมครอนที่มีอานุภาพในการแพร่ระบาดได้มากขึ้นอย่างน่าสะพรึงกลัว หากแต่กลุ่มคนหัวคิดรุนแรงสุดโต่งก็ยังไม่ตระหนักต่อสถานการณ์การต่อสู้ที่ไม่เอื้ออำนวย พวกเขายังพยายามก่อเหตุร้ายต่างๆ เรื่อยมาเท่าที่โอกาสจะเปิดให้ โดยไม่แยแสต่อความรู้สึกนึกคิดของพี่น้องในพื้นที่แม้แต่น้อย ทั้งที่เชื่อแน่ว่า ขบวนการทั้งหลายในการต่อสู้แบบใต้ดินกับรัฐที่มีศักยภาพในทุกด้านที่มากกว่านั้น ขบวนการเหล่านั้น ย่อมต้องอาศัยความร่วมมือจากคนในพื้นที่ที่เรียกว่ามวลชน เป็นกำลังสำคัญในการต่อสู้ทุกสมรภูมิรบแบบใต้ดิน สงครามการแย่งชิงหัวใจของมวลชนซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการเอาชนะฝ่ายตรงข้ามเสมอมา
ดังตัวอย่าง ที่อาจจะไม่ใช่ตัวอย่างสุดท้ายของความสุดโต่งโดยไม่สนใจสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปอันหนึ่งก็คือ กรณีกลุ่มคนร้ายก่อเหตุลอบวางระเบิดขบวนรถไฟขบวนที่ 986 เมื่อ 28 ส.ค.64 ซึ่งกำลังบรรทุกสินค้าการเกษตรในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร 3 จังหวัด โดยกำลังนำส่งที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเที่ยวแรก บริเวณระหว่างสถานีป่าไผ่-ตันหยงมัส โดยคนร้ายนำระเบิดวางบริเวณกลางรางรถไฟ ทำให้ขบวนรถไฟได้รับความเสียหายจำนวนหนึ่ง และเมื่อ 13 ธ.ค.64 คนร้ายลอบวางระเบิดรถไฟสายสุไหงโก-ลก-เมืองคอน ที่ ม.8 บ้านสามยอด ต.โคกโพธิ์ ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 3 ราย ซึ่งต่อมา จนท.พบหลุมระเบิดและตรวจพบสายไฟ ลากเข้าไปในป่า คาดคนร้ายเป็นกลุ่มคนในขบวนการร้ายที่อำพรางตัวเองอยู่ในพื้นที่ โดยมุ่งสร้างสถานการณ์ความไม่สงบเพื่อหวังจะหล่อเลี่ยงสถานการณ์การต่อสู้ของพวกเขาให้ดำรงคงอยู่ต่อไปโดยไม่แยแสต่อความรู้สึกของพี่น้องมวลชนในพื้นที่ที่กำลังรอคอยความช่วยเหลือจากรัฐในหลายๆ เรื่อง โดยก่อนเกิดเหตุ รถไฟขบวนดังกล่าวเพิ่งรับผู้โดยสารจากสถานีรถไฟปัตตานี (โคกโพธิ์) จากนั้นขบวนรถไฟได้วิ่งต่อไปยังสถานีรถไฟตาแปด
การก่อเหตุร้ายครั้งนี้ส่งผลให้ขบวนรถจากสถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ไปยังภาคใต้ตอนบนรวมถึงกรุงเทพฯ ทั้ง จ.พัทลุง นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ชุมพร และกรุงเทพฯ แม้ยังให้บริการตามปกติทุกขบวนแต่จะสิ้นสุดการเดินทางแค่สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่เท่านั้น ทำให้พี่น้องมวลชนซึ่งเป็นผู้โดยสารที่มีความจำเป็นในการเดินทางด้วยรถไฟ และมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต่างระบุว่า หากรถไฟหยุดวิ่งจะทำให้ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เพราะต้องเดินทางมาเรียนและมาทำงาน โดยการเดินทางด้วยรถไฟจะประหยัดและสะดวก จึงอยากขอเรียกร้องให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ยุติการก่อเหตุรุนแรงทุกรูปแบบโดยเฉพาะกับรถไฟทุกขบวน เพื่อความปลอดภัยของประชาชนในการเดินทางสัญจรไปมา และสนับสนุนการดูแลประชาชนจากรัฐให้จะดีกว่า ปรากฏการณ์เหล่านี้ จึงยิ่งซ้ำเติมคำถามสำคัญที่ยังไม่ได้รับคำตอบว่า อนาคตของคนในพื้นที่ ควรอยู่กับฝ่ายใดจะดีกว่าและอยู่ในโลกความเป็นจริงมากกว่ากัน