ภายหลังการเปิดตัวสุดอลังการของ "ดร.เอ้" สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง ที่ตัดสินใจสวมเสื้อพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศตัวลงชิงเก้าอี้ "ผู้ว่าฯกทม." อย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.64 ที่ผ่านมา แต่กลับมีอันต้องสะดุด หยุดกึกเมื่อสุชัชวีร์ ถูก "รับน้อง" ด้วยประเด็น ทายาท "อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์" นักวิทยาศาสตร์คนดังของโลก เมื่อจังหวะการก้าวเดินของสุชัชวีร์ กำลังสะดุด และรอจังหวะที่จะแก้สถานการณ์ เพื่อกลับมาทำแต้มครั้งใหม่ แต่ในขณะเดียวกัน ต้องยอมรับว่า เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ส่ง สุชัชวีร์ สวมเสื้อพรรคลงสนาม แน่นอนว่าหลายคนจึงอดที่จะมองไปที่ "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ในนามอิสระ ไม่ได้เช่นกัน เพราะอย่าลืมว่าจากวันที่ ชัชชาติ ประกาศลงสมัครผู้ว่าฯกทม. เมื่อปี 2562 จนถึงวันนี้ โพลแทบทุกสำนักยังคงชี้ว่าชัชชาติ มีคะแนนนำ ว่าที่แคนดิเดตคนอื่นๆที่เคยประกาศตัวและทำพื้นที่มาก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดี สนามกทม.เวลานี้จึงดูเหมือนว่าเป็นการช่วงชิงกันระหว่าง ชัชชาติ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับสุชัชวีร์ จากค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม ขณะที่พรรคพลังประชารัฐเอง มีแนวโน้มว่า ยังติดปัญหาใหญ่ เมื่อยังไม่สามารถหาตัวผู้สมัคร ลงสนามได้ เสียงเชียร์ของกองหนุนของชัชชาติ ที่ประกาศตัวลงสนามในนามอิสระ จากคนกรุงเทพฯ ที่หวังจะได้เห็นผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ ที่ฟอร์มสด และที่สำคัญคือจะต้องเป็นผู้ที่มาเข้ามาแก้ปัญหาให้กับคนกรุงเทพฯ ได้ แต่ขณะเดียวกัน กลับพบว่า อุปสรรคของชัชชาติ อาจไปเชื่อมโยงกับการหาเสียงในวันข้างหน้า หาก "คู่แข่ง" ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เลือกพุ่งเป้าโจมตี ย้ำแผลว่า แท้จริงแล้ว ชัชชาติไม่ได้ "อิสระ" ตามที่ประกาศเอาไว้ แต่เบื้องหลังของชัชชาติ คือ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯ และ "พรรคเพื่อไทย" ซึ่งจะกลายเป็น "จุดอ่อน" ฉุดคะแนนของชัชชาติ ให้ร่วงทันที แน่นอนว่า ปัญหาข้อนี้ทั้งทักษิณ และพรรคเพื่อไทยเองก็รับรู้ดีว่า นี่คือ "จุดอ่อน" ที่ง่ายต่อการถูกโจมตี และจะทำให้ชัชชาติเดินไปไม่ถึงเป้าหมาย ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจที่ "นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว" ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะแถลงข่าวประกาศว่าพรรคจะไม่ส่งผู้สมัครของพรรคลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม. เนื่องจาก "มีตัวแทนของฝ่ายประชาธิปไตยอยู่แล้ว" ขณะที่ทักษิณ ที่ระยะหลังโลดแล่นผ่านคลับเฮ้าส์ ในนาม "โทนี วู๊ดซัม" ก็แทบไม่เคยพูดถึง หรือ "แตะ" ชัชชาติ แต่อย่างใด เพราะทักษิณ รู้ดีว่า ตัวเองคือ "จุดอ่อน" สำหรับชัยชนะของชัชชาติ เมื่อกระแสของทักษิณ ไม่สามารถ "ตอบโจทย์" ให้กับคนกรุงเทพฯ ได้ !