สังคมไทยเป็นอย่างไร เยาวชนไทยก็เป็นอย่างนั้น
สังคมไทยมีปัญหาอย่างไร เยาวชนไทยก็มีปัญหาอย่างนั้น
ถ้าแก้ปัญหาสังคมไม่สำเร็จ ปล่อยให้สังคมไทยเสื่อมลงไปอย่างไร เยาวชนไทยก็จะเสื่อมลงอย่างนั้น
ในสังคมไทยมี “โลกสองขั้ว” ขั้วหนึ่งมีความพร้อมที่จะโดยสารไปกับขบวนรถด่วน “ประเทศไทย 4.0” เป็นพลเมืองที่มีความสุขในโลกอนาคต อีกขั้วหนึ่งขาด “ความพร้อม” เหล่านั้น เยาวชนไทยก็มีสองขั้วเหมือนกัน
“ความพร้อม” นี้ประกอบด้วยปัจจัยทางวัตถุอันหมายถึงฐานะทางเศรษฐกิจ กับปัจจัยทางจิตวิญญาณของแต่ละปัจเจกบุคคล
เยาวชนบางคนมีความพร้อมทางปัจจัยวัตถุ แต่จิตใจใฝ่ต่ำ ก็จะตกขบวนรถด่วนนี้ได้
เยาวชนบางคนแม้จะขาดแคลนทางปัจจัยวัตถุ แต่จิตใจใฝ่ดี ก็สามารถขึ้นขบวนรถด่วนนี้ได้
หนทางที่งดงามคือเยาวชนไทยทั้งหมดสามารถขึ้นขบวนรถด่วนนี้ไปด้วยกัน แต่ก็มีปรากฏการณ์มากมายสะท้อนว่า สังคมไทยยังมีปัญหาเยาวชนอยู่มาก
อนาคตของประเทศขึ้นอยู่กับเยาวชน เคยมีการตรวจสอบอย่างจริงจังหรือยังว่า เด็กและเยาวชนที่หลงทางไปทางอบายมุขมีจำนวนเท่าใด คิดเป็นอัตราส่วนเท่าใดของเยาวชนทั้งชาติ
หนทางแพร่งที่จะดึงเด็กและเยาวชนไปทางอบายมุขมีมากเกินไป ปัยหาใหญ่ที่สุดน่าจะเป็นปัญหายาเสพติด
แทบทุกซอยในเมือง จะพบกับ “คนบ้า” ประเภทที่เกิดจากเสพยาเสพติดตั้งแต่วัยเด็ก ข้อเสียหายอย่างเบาที่สุดคือ เสียพลังของสังคมไปเปล่า ๆ เป็นภาระดึงถ่วงครอบครัวให้ตกต่ำ ข้อเสียหายที่หนักก็เช่น กลายเป็นฆาตกรโหดได้ เช่นกรณีฆาตกรฆ่าตัดคอคนหลายคนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมีประวัติเสพยาบ้ามาตั้งแต่อายุ 12 ปี
มีกี่ครอบครัวที่สูญเสียเด็กและเยาวชนไปกับยาเสพติด คิดเป็นความเสียหาย เสียโอกาสทางเศรษฐกิจจำนวนมาก ส่วนความเสียหายท่งด้านจิตใจนั้น มากมายเกินจะประเมินได้
ทางแพร่งถัดต่อจากยาเสพติด คือ “วัฒนธรรมนิยมความรุนแรง” เช่น การไล่ล่าฆ่ากันของนักเรียนอาชีวะ , การตีกันในงานตามหมู่บ้าน ฯ เรื่องนี้มักถูกมองว่าเป็นปัญหา “ความคึกคะนอง” ของวัยรุ่น เป็นเรื่องปกติ แต่เราก็ขอให้เปิดตาดูโลกหน่อยว่า มีสังคมประเทศใดบ้าง ที่วัยรุ่นของเขายังยกพวกตีกันไล่ล่าฆ่าฟันกันกลางถนน หน้าเวทีการแสดงได้ อย่างที่ปรากฏในสังคมไทย
สังคมที่ก้าวหน้าเป็นยุค 4.0 เขาไม่มีเรื่องอย่างนี้