อีกไม่กี่วัน จะถึงกำหนดวันประชุมใหญ่ของพรรคเพื่อไทย ในวันที่ 28 ต.ค.นี้ ที่จ.ขอนแก่น แต่จนถึงวันนี้นอกจากการปรับเปลี่ยนโลโก้ของพรรคไปเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยใช้ขื่อสีแดงเพียงสีเดียวแล้ว ก็ดูเหมือนว่า พรรคเพื่อไทยไม่มีอะไรที่เรียกว่าเป็น "ไฮไลท์"ให้ต้องลุ้น ! โดยเฉพาะการเปิดตัว "หัวหน้าพรรคคนใหม่" หรือ "แคนดิเดตนายกฯ" เพราะแกนนำในพรรคหลายคน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า จะเอาไว้เปิดตัวเมื่อใกล้ๆช่วงเลือกตั้งเลยทีเดียว เนื่องจากต้องการรักษา "ตัวบุคคล" เอาไว้ ไม่ให้ตกเป็น "เป้าโจมตี" ส่วนพรรคไหน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านที่พากันโหมโรงเปิดตัว "ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ" กันอย่างคึกคัก แต่พรรคเพื่อไทยบอกเลยว่า เรื่องแบบนี้ "หัวเราะทีหลัง ดังกว่า" "สิ่งที่ประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยในวันนี้คือการเลือกที่ตัวนโยบายและเลือกคณะผู้บริหารงานของพรรคที่เป็นมืออาชีพที่มีประสบการณ์" ส่วนการเปิดแคนดิเดตนายกฯที่มีประสบการณ์ "เป็นตัวเสริม" ดังนั้นจะเปิดจังหวะที่เหมาะสม "หัวเราะ" ทีหลังดังกว่าได้ "อรุณี" กาสยานนท์" โฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุ (24ต.ค.64) อย่างไรก็ดี การปรากฏตัวของอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่เข้าร่วมสนทนาผ่านคลับเฮ้าส์ เมื่อวันที่ศุกร์ที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา หลักใหญ่ใจความที่ทักษิณ ต้องการสื่อสารถึงคือ "พี่น้องชาวอีสาน" มากกว่าที่จะพูดถึง "จุดขาย" ของพรรคเพื่อไทย ผ่าน "ตัวบุคคล" ไม่ว่าจะเป็น "หัวหน้าพรรค" หรือ "แคนดิเดตนายกฯ" อย่าลืมว่าสถานการณ์ของพรรคเพื่อไทย วันนี้ แม้ "นายใหญ่" จะประกาศเสียงดังฟังชัดว่าพรรคเพื่อไทยจะต้องชนะแบบแลนด์สไลด์เท่านั้น ไม่อย่างนั้นพรรคเพื่อไทย จะไม่มีทางได้เป็น "แกนนำตั้งรัฐบาล" ก็ตาม แต่ปัญหาใหญ่ ของพรรคเพื่อไทย คือความอ่อนล้า อ่อนแรง ลูกพรรคไม่น้อยที่มองหา ที่หมายใหม่Ž มองหน้าพรรคใหม่สังกัดในการเลือกตั้งรอบหน้า ซึ่งถูกคาดการณ์ว่าน่าจะอีกราว 1ปีครึ่ง ดังนั้นหมายความว่า หากในการประชุมใหญ่ของพรรค ในวันที่ 28 ต.ค.นี้ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง โครงสร้างพรรคŽ ด้วยการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค เป็นเพราะเจ้าของพรรคเอง ยังไม่ต้องการให้เกิดแรงกระเพื่อม ภายในพรรค ในยามที่ พรรคเองก็ยังไม่สามารถ "หาตัวผู้เล่น" ได้ลงตัว ! แต่ทว่าในขณะเดียวกัน อดีตนายกฯทักษิณ เองยังต้องประเมินด้วยว่า ยิ่งการเปิดตัว "สินค้า" ล่าช้าออกไปมากขึ้น จะยิ่งกลายเป็น "จุดอ่อน" ทำให้ลูกพรรคเกิดความไม่มั่นใจ ว่าเมื่อถึงนาทีสุดท้ายแล้วพรรคเพื่อไทย จะมีใครที่เปิดตัวขึ้นมาแล้วสามารถต่อกร ดึงคะแนนจาก "แคนดิเดตนายกฯ" จาก "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ไปจนถึง "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่นับวันคะแนนนิยมดีวันดีคืน จนกลายเป็นว่า วันนี้ พรรคก้าวไกล คือคู่แข่ง ของพรรคเพื่อไทยที่โดดเด่น ขึ้นมาเทียบเคียง พรรคใหญ่ แล้วด้วยซ้ำ ด้วยรูปการณ์ภายในพรรคเพื่อไทย วันนี้ที่เหมือนกับว่าไร้หัว ขาดแรงขับเคลื่อนให้ลูกพรรคได้ฮึกเหิมกันแล้ว ยังต้องรอลุ้นกันต่อไปว่า บรรดา "คดีความ" ที่ "ฝ่ายตรงข้าม" นำไปร้องต่อองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ "ยุบพรรค" โดยเฉพาะข้อกล่าวหาที่ว่าอดีตนายกฯทักษิณ ครอบงำพรรคเพื่อไทยหรือไม่ จะเดินไปสู่ "จุดพีค" ก่อนถึงวันที่พรรคเพื่อไทย จะได้ลงสนามเลือกตั้งหรือไม่ ?