ทองแถม นาถจำนง
ม.ร.ว คึกฤทธิ์ ปราโมช มี “ลูกพี่” ผู้เป็นลูกของลุงท่าน คนหนึ่งชื่อ หม่อมราชวงศ์สนิท
เมื่อ พ.ศ. 2495 เกิดเรื่อง ม.ร.ว สนิท “เล่นลิเก” ปลุกระดม จนถูกจับข้อหากบฏในราชอาณาจักร ชื่อของ ม.ร.ว สนิท ปราโมช จึงโด่งดังขึ้นมา ทำให้ ม.ร.ว คึกฤทธิ์ ต้องเขียนเล่าเรื่อง ญาติคนนี้ของท่าน
ข้าพเจ้าเคยเล่าเรื่องย่อ ๆ ไว้ครั้งหนึ่งแล้ว พอมาไม่นานนี้ ข้าพเจ้าพบข้อมูลที่น่าสงสัยว่าจะเป็นเรื่องของ ม.ร.ว สนิท ปราโมช เพิ่มเติม ในข้อมูลนั้นระบุแต่ชื่อ “ม.ร.ว สนิท” แต่พิจารณาจากประวัติของ ม.ร.ว สนิท ที่คลุกคลีกับวงการลิเกมาก่อน ก็เป็นไปได้ว่า คนที่ไปคลุกคลีกับ “หมอลำน้อย” ที่ถูกจับข้อหากบฏ เมื่อ พ.ศ. 2476 เป็นคน ๆ เดียวกับ ม.ร.ว สนิท ปราโมช ที่ถูกจับจ้อหากบฏก่อนปี พ.ศ. 2475
ข้าพเจ้าตัดสินใจนำมาบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ในคอลัมน์นี้
เริ่มจากข้อเขียนของ ม.ร.ว คึกฤทธิ์ ปราโมช เรื่อง “เรื่องของคุณสนิท” (รวมเล่มในหนังสือ “สยามเมืองยิ้ม” สำนักพิมพ์ก้าวหน้า พ.ศ. 2515)
“ผู้เขียนเรื่องนี้ได้อ่านข่าวหนังสือพิมพ์เมื่อสองสามวันนี้ ได้พบข่าวญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง มีศักดิ์เป็นลูกพี่คือ ม.ร.ว สนิท ปราโมช ท่านผู้นี้เป็นลูกของลุง ข่าวครั้งสุดท้ายที่ได้รับนั้นได้ความว่า ม.ร.ว สนิท ถูกจับฐานกบฏภายในพระราชอาณาจักร ระหว่างนี้ถูกคุมขังอยู่กับเพื่อนร่วมใจอีกสองคนอยู่ที่สถานีตำรวจภูธร จังหวัดร้อยเอ็ด
รายละเอียดของอภินิหารของคุณสนิทนั้นปรากฏว่า คุณสนิทได้ท่องเที่ยวจาริกไปในชนบทแถวร้อยเอ็ด ประกาศตนว่าเป็นผู้มีบุญมาเกิด ผู้มีบุญนั้นคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 แต่โดยที่คุณสนิทแก่กว่าผู้เขียนราว ๆ 20 ปี บัดนี้ก็เป็นคนปูน 60 คุณสนิทก็เป็นคน 5 แผ่นดินเข้ามาแล้ว คือเกิดในรัชกาลที่ 5 นั้นเอง พระพุทธเจ้าหลวงจะมาเกิดเป็นคุณสนิทได้อย่างไรขณะที่ยังไม่เสด็จสวรรคตนั้น คุณสนิทคงจะไม่อธิบาย เพราะคงเห็นเป็นเรื่องไม่สำคัญ แต่อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์นั้นลงข่าวต่อไปว่า
คุณสนิทได้ป่าวร้องชาวชนบทนั้นให้เกิดความเลื่อมใสว่า คุณสนิทเป็นผู้มีบุญมาปราบยุคเข็ญ ดับความเดือดร้อนลำเค็ญของบ้านเมือง ต่างพากันเสียส่วยสาอากรให้แก่คุณสนิท บางคนมีศรัทธาแก่กล้า ถึงกับยกลูกสาวถวายเป็นเจ้าจอม เพราะปะเหมาะเคราะห์ดีก็อาจได้เป็นพระมเหสี คุณสนิทได้ชักชวนราษฎรมิให้ไปออกเสียงเลือกตั้ง ราษฎรก็พากันเชื่อฟัง เพราะคงอยากจะเชื่ออยู่แล้ว ในขณะที่เจ้าพนักงานฝ่ายตำรวจไปจับมาได้ ปรากฏว่าคุณสนิทกำลังนั่งคิดการกับเสนาอำมาตย์ในการที่จะยกทัพเข้ามาปราบยุคเข็ญ เริ่มด้วยตีเอาเมืองร้อยเอ็ด แล้วก็ยกทัพเรื่อยเข้ามาถึงพระนคร ถ้าตีได้ก็คงจะขึ้นปราบดาภิเษกตั้งวงศ์ใหม่ การกระทำของเจ้าพนักงานในคราวนี้จึงช่วยให้ผู้เขียนเรื่องนี้เอง และญาติวงศ์อีกเป็นอันมากได้รอดพ้นจากการเป็นพระราชวงศ์.........
คุณสนิท ปราโมช มีบิดาเป็นหม่อมเจ้าในสกุลปราโมช และไหน ๆ คุณสนิทก็ใช้นามสกุลปราโมชเป็นที่รู้กันอยู่แล้ว ผู้เขียนก็จะต้องขอเอ่ยถึงสกุลที่เป็นเจ้าของคุณสนิทอีกครึ่งหนึ่ง คือมารดาของคุณสนิทเป็นหม่อมเจ้าในสกุลสนิทวงศ์ ทางฝ่ายปราโมชสมัยนั้นคงจะตื่น ๆ สนิทวงศ์อยู่มาก จึงได้ตั้งชื่อโอรสที่เกิดนั้นว่าสนิท คุณสนิทเมื่อหนุ่มๆ นั้นก็ไม่ปรากฏว่าสนใจในการบ้านการเมืองกี่มากน้อย แต่ได้ทราบว่าเป็นคนชอบทางศิลปะร้องรำ จนในที่สุดก็เป็นตั้วโผลิเกโรงใหญ่ ออกท่องเที่ยวแสดงไปในที่ต่าง ๆ ชะรอยในขณะนั่นคุณสนิทจะได้ควบการแสดงลิเกเข้าไปกับการเมืองก่อนคนอื่นหรืออย่างไรก็ไม่ทราบได้ คุณสนิทจึงได้มีผู้นิยมและแก่บารมีเข้าทุกวัน
คุณสนิทมามีชื่อเสียงเอาในรัชกาลที่ 7 เมื่อก่อนเปลี่ยนแผลงการปกครองเล็กน้อย เพราะเมื่อตอนพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯเสด็จไปประเทศอเมริกา คุณสนิทก็ไปเล่นลิเกอยู่แถวเมืองกาญจนบุรี แต่คุณสนิทจะเกิดฟิตจัดอย่างไรก็ไม่มีใครทราบได้ อยู่ ๆ คุณสนิทก็ประกาศออกมาแก่ชาวชนบทแถวนั้นว่า คุณสนิทนั้นเป็นถึงพี่ชายสมเด็จพระปกเกล้าฯ แต่เมื่อเห็นว่าน้องทำไม่ดี คุณสนิทก็ได้จัดการส่งไปไว้ที่อเมริกาเสียแล้ว ที่ว่าทำไม่ดีนั้นก็เพราะคุณสนิทเห็นว่ารัฐบาลสมัยนั้นเก็บภาษีอากรจากราษฎรมากเกินไป คุณสนิทจึงสัญญาว่าถ้าเข้ามายึดบ้านยึดเมืองได้ ก็จะเลิกภาษีอากรให้เบาบางลง คนแถวนั้นก็พากันเลื่อมใส พากันเข้าเป็นสมัครพรรคพวกหลายร้อยคน บางคนก็ถวายช้างม้าตามมีตามได้ แต่คราวนั้นดูเหมือนจะไม่มีใครถวายลูกสาวเป็นเจ้าจอม เพราะพระมเหสีคือพี่สะใภ้ของผู้เขียนเรื่องนี้ยังมีตัวอยู่ เมื่อมีสมัครพรรคพวกมากพอ คุณสนิทก็ตั้งตัวเป็นเจ้าชื่อว่า “พระวงศ์สนิท” และพอฤกษ์งามยามดี คุณสนิทก็แต่งเครื่องลิเก ขึ้นช้างพลายพระที่นั่ง พระมเหสีนั่งสับประคับกลางช้างใส่กระบังหน้าแพรวพราว ไพร่พลโห่ร้องอึงคะนึง แล้วพระวงศ์สนิทก็ให้ลั่นฆ้องไชย เคลื่อนพลตรงเข้ามายังเมืองกาญจนบุรี ตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรีก็ไปจับเอาตัวคุณสนิทได้กลางทาง ไพร่พลก็กระจัดกระจายไป แล้วอัยการก็ฟ้องคุณสนิทต่อศาลฐานขบถภายในพระราชอาณาจักร ศาลก็พิพากษาจำคุกคุณสนิท ทำให้หายหน้าไปหลายปี เกิดเรื่องคุณสนิทแล้วไม่นาน การเปลี่ยนแปลงการปกครองก็ตามมา ถ้าจะพูดภาษาชาวบ้านก็จะต้องพูดว่าคุณสนิทนั้น “เอาก่อน” แต่เผอิญไม่สำเร็จ เพิ่งมาโผล่หน้าเป็นข่าวใหญ่อีกเมื่อสองสามวันนี้ในกรณีคล้าย ๆ กัน”
ข้อเขียนเรื่องนี้ยังไม่จบ ข้าพเจ้าขอนำข้อมูลที่บันทึกไว้โดยคุณ บุญช่วย อัตถากร จากหนังสือเรื่อง “ประวัติศาสตร์ภาคอีสาน และเมืองมหาสารคาม” เรื่อง “กบฏหมอลำน้อย” ดังนี้
“พ.ศ. 2476
กบฏหมอลำน้อย
นายชาดา หรือคำสา สุมังกะเศษ ได้สมมุติตนเองเป็นผู้วิเศษต่าง ๆ ได้เกิดมีผู้นิยมนับถือเป็นจำนวนมาก นายชาดาคนนี้เป็นผู้มีรูปร่างเล็ก ๆ เหตุนี้ประชาชนจึงพากันเรียกว่า “หมอลำน้อย” ใจความลำของนายชาดานี้ มีข้อความเป็นเชิงยุยงให้ราษฎรกระด้างกระเดื่อง เป็นต้นว่าไม่ควรเสียภาษีอากร เป็นต้น และไม่ให้ส่งเด็กเข้าโรงเรียน เพราะเสียเวลาทำมาหากิน และไม่ให้กราบไหว้พระสงฆ์เพราะทุกวันนี้ไม่ใช่พระ เพียงแต่นุ่งห่มเหลืองเฉย ๆ ตัวหมอลำชาดาเองและหม่อมราชวงศ์สนิท จะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครอง ตัวนายชาดาจะเป็นพระเจ้าแผ่นดินขึ้นที่เมืองเวียงจันทน์ หม่อมราชวงศ์สนิทจะเป็นเจ้าแผ่นดินขึ้นที่เมืองนครราชสีมา และว่าต่อไปจะเกิดรบพุ่งกันระหว่างไทยภาคตะวันออกกับภาคกลางโดยนายชาดาจะเป็นผู้ใช้อำนาจสิทธิขาด ทั้งราษฎรจะได้ลดค่ารัชชูปการลงเหลือ 2 บาท ฯลฯ
ต่อมานายชาดาได้ถูกจับมาพิพากษาลงโทษจำคุกเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2476 มีกำหนดสี่ปี”
ในบันทึกนี้ ไม่ระบุว่า ม.ร.ว สนิท สกุลใด ?
ขอปิดท้ายด้วยเรื่อง “คุณสนิทของผม” ส่วนสุดท้าย ดังนี้
“ท่านผู้ใดได้อ่านเรื่องคุณสนิทมาแล้วก็คงจะนึกในใจว่าเหมือนพงศาวดารกรุงศรีอยุอยา ซึ่งความจริงก็เป็นเช่นนั้นเพราะคุณสนิทเป็นคนที่ยังติดอยู่ในสมุดพงศาวดารยังมิได้ก้าวหน้าออกมาสู่ประวัติศาสตร์ของระบอบเสรีประชาธิปไตย คุณสนิทจึงก่อการร้ายไม่เป็น รัฐประหารไม่เป็น ปฏิวัติไม่เป็น แต่ถ้าครึ้ม ๆ ขึ้นมาจะทำอะไรกับเขาบ้างก็หันเข้าหาวิธีการของพงศาวดารเหมือนกับครั้งกบฏธรรมเถียร หรือพระพันปีศรีศิลป์อะไรเทือกนั้น คุณสนิทจึงเป็นคนน่าสนุกดั่งที่ได้กล่าวไว้ตอนนั้น”
(12 มีนาคม 2495)