นักวิชาการมักจะมองว่า ที่ผ่านมาประชาธิปไตยของประเทศไทยล้มเหลว ! เราควรจะประเมินกันอย่างไร ? มันล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่าเลย การเมืองไทยไม่มีอะไรดี อะไรเจริญก้าวหน้าเลยหรือ ? แต่ละปัจเจกทรรศน์ คงจะให้คำตอบที่แตกต่างกัน
ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล เคยตั้งปัญหามานานแล้วว่า “ทำไมประชาธิปไตยที่ประสบความสำเร็จในยุโรปและในอเมริกา จึงกลับล้มเหลวในประเทศไทย เป็นเพราะประชาธิปไตย ไม่เหมาะกับประเทศไทยหรือปัญหาอยู่ที่คนไทย ? ถ้าความล้มเหลวของประชาธิปไตยมีสาเหตุมาจากคนไทยแล้ว ใครหรือคนกลุ่มไหนในประเทศไทยเป็นตัวปัญหาที่ทำให้ประชาธิปไตยล้มเหลว ?
1. ทหาร : การเมืองไทยวนเวียนอยู่ในวงจรอุบาทว์ - ปฏิวัติรัฐประหาร - ฉีกรัฐธรรมนูญ เป็นเพราะทหาร ถ้าทหารปล่อยให้ปัญหาการเมืองแก้ไขไปตามวิถีทางประชาธิปไตย ไม่ยึดอำนาจ ไม่ฉีกรัฐธรรมนูญ ประชาธิปไตยของไทยคงจะเติบโตขึ้นมาได้ ไม่เดินเวียนวนกลับมาเริ่มต้นใหม่ทุกครั้งไปและไม่ล้มเหลวดังเช่นทุกวันนี้
2. นักการเมือง : ถ้านักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ใช้อำนาจในทางที่มิชอบ ไม่ทุจริตคอรัปชั่น ไม่ซื้อเสียงและสามารถแก้ปัญหากันเองได้ตามวิถีทางประชาธิปไตย ทหารจะมีเหตุในการยึดอำนาจได้อย่างไร ดังนั้นสาเหตุความล้มเหลวของประชาธิปไตยไทยก็คือนักการเมือง
3. ประชาชน : นักการเมืองจะซื้อเสียงได้อย่างไร ถ้าประชาชนไม่ขายเสียงให้ ทหารจะปฏิวัติได้อย่างไร ถ้าประชาชนไม่เรียกร้องหรือไม่ให้ความสนับสนุน ดังนั้น ประชาชนต่างหากคือสาเหตุที่แท้จริงของความล้มเหลวของประชาธิปไตยในประเทศไทย”
จะโทษใคร ปัจเจกทรรศน์ก็คงให้คำตอบที่ต่างกันไป
แต่สรุปแบบกำปั้นทุบดินก็ว่า ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ก็ล้วนเป็นประชาชนคนไทย นักการเมืองก็เป็นประชาชนคนไทย ประชาชนก็เป็นคนไทยเพียงแต่เป็นคนเล็กคนน้อย ไม่มีอำนาจปัญหาทั้งมวลล้วนเกิดจาก “คน” นั่นเอง
ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช เคยเตือนว่า สังคมไทยมัวแต่สร้างส่วน “เครื่องบน”ของประชาธิปไตย เช่น รัฐธรรมนูญ กฎหมายเลือกตั้ง โครงสร้างและสถาบันต่าง ๆ ทางการเมือง แต่ละเลยการสร้าง “อาชีพ” สร้างรายได้ให้คน ได้พัฒนาฐานะเศรษฐกิจ ได้เป็นไททางเศรษฐกิจ
การเปลี่ยนแปลงการพัฒนาสังคมนั้น ท้จริงคือการพัฒนาคุณภาพคน การสร้างระชาธิปไตยที่ดีก็เช่นกัน มันชี้ขาดอย่ที่การพัฒนาคุณภาพของคน