ดร.วิชัย พยัคฆโส [email protected] รัฐบาลประยุทธ 5 โดย รัฐมนตรีทั้งคณะต่างเร่งขับเคลื่อนผลงานอีก 1 ปีให้เห็นผลได้บ้าง เพื่อสร้างประเทศไทย 4.0 ลดความเหลื่อมล้ำและพัฒนาคน 3 เรื่องใหญ่ที่ต้องแข่งกับเวลา โดยไม่ต้องรอศึกษางานแต่ละด้านให้เสียเวลากับการเป็นรัฐมนตรีป้ายแดง จะเห็นได้ว่านายกฯตู่ เดินสายไปรับฟังและเห็นด้วยตาตนเองถึงความทุกข์ยากของประชาชน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจนกับคนรวยที่แท้จริงนั้นควรจะตั้งโจทย์และกำหนดมาตรการอย่างไร คงฟังจากจังหวัดและกระทรวงมามากแล้ว แต่การแก้โจทย์ไม่ตรงกับเป้าหมายที่มุ่งหวังในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในชนบทให้เห็นเป็นรูปธรรมได้เลย กาฬสินธ์โมเดล หรือ happiness กาฬสินธ์ จะเป็นจังหวัดแม่แบบของการพัฒนาความทุข์ยากของประชาชนด้วยมาตรการเชิงลึก เพื่อให้ประชาชนชาวกาฬสินธ์เขาช่วยตัวเองด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่นและความร่วมมือร่วมใจของแนวทางประชารัฐ ตรงนี้แหละที่รัฐบาลเกาถูกที่คัน ต้องทำให้เห็นจริงจัง ใช้งบประมาณให้ตรงจุด คุ้มค่า เห็นผลจริง ขอสนับสนุนแนวทางเช่นนี้ให้กับทุกจังหวัด ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจเมืองใหม่ (new growth city) ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ฟังข่าวอดีต สส.และอดีตรัฐมนตรีของจ.สุโขทัยเสนอของบประมาณ 5,000 ล้านบาทกับโครงการแจกโค 1 ล้านตัว ในการประชุม ครม.สัญจร ปลายเดือนนี้ ที่จ.พิษณุโลกและจ.สุโขทัย ดูออกจะใช้งบประมาณแบบเดิมๆที่ทุ่มเงินเข้าไป ปราศจากแผนระยะยาวที่เป็นยุทธศาสตตร์ มี KPI กำหนดบ้างไหมว่าจะได้อะไรจากงบประมาณที่เป็นภาษีของประชาชน รัฐบาลชุดนี้ปฏิรูปการจัดสรรงบประมาณตามแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดไว้แล้ว มิใช่แผนการใช้งบประมาณของสส.ในจังหวัด ที่เป็นการละลายงบประมาณทิ้งๆขว้างๆแบบ short term gain long term loss หมดสมัยความคิดแบบประเทศไทย0.4ไปแล้ว รัฐบาลใช้กลไกการพัฒนาภาคเพื่อบูรณาการงบประมาณแบบ 3 มิติ คือ Area Agenda และ Function เพื่อลดความซ้ำซ้อนและลดความเหลื่อมล้ำของงบประมาณในการยกระดับคุรภาพชีวิตของประชาชนอย่างมีแผนการพัฒนาเป็นภาคๆไว้แล้ว ภาคเหนือ เพื่อสร้าง “ฐานเศรษฐกิจ สร้างสรรค์มูลค่าสูง” ภาคอีสาน เพื่อให้ “หลุดพ้นจากความยากจนสู่เป้าหมายการพึ่งตนเอง” ภาคกลางและภาคตะวันออก เพื่อให้เป็น “ฐานเศรษฐกิจชั้นนำ” ภาคใต้อ่าวไทย-อันดามัน เพื่อให้เป็น “ฐานการสร้างรายได้ที่หลากหลาย” ภาคใต้ชายแดน เพื่อให้เป็น “พัฒนาเศรษฐกิจเพื่อความมั่นคง” การที่รัฐบาลมุ่งให้เกิด การฬสินธ์โมเดล ก็เพื่อให้หลุดพ้นจากความยากจนสู่เป้าหมายพึ่งพาตนเองที่ยั่งยืน ชัดเจนตามยุทธศาสตร์และเป้าหมายอยู่แล้ว งบประมาณจะต้องลงไปสู่แนวทางนี้ โดยมีแผนการพัฒนาแต่ละจังหวัดเป็นโจทย์รออยู่ การประชุม ครม.สัญจรที่พิษณุโลกและสุโขทัย จึงเป็นการรับฟังยุทธศาสตร์จังหวัดที่กำหนดไว้ในเป้าหมายกลุ่มจังหวัดจะทำอะไรตรงกับเป้าหมายมากกว่าที่จะเป็นโครงการประชานิยม เพราะภาคเหนือถูกกำหนดให้เป็น “ฐานเศรษฐกิจสร้างสรรค์มูลค่าสูง” ประกอบไปด้วย ศูนย์กลางเศรษฐกิจสร้างสรรค์นวัตกรรมเกษตรและอาหารสุขภาพ ศูนย์กลางธุรกิจข้าว การท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การค้าการบริการสี่แยกอินโดจีน ประตูสู่อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและอาเซียนบวกสาม จังหวัดในกลุ่มนี้จะต้องมีแผนให้ชัดว่าจะเอางบประมาณมาทำอะไร ให้สอดคล้องกับเป้าหมาย เรื่องที่อดีต สส.สุโขทัยคิด คงไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาสักเท่าไหร่ รัฐบาลคิดถูกทางแล้วในการแก้โจทย์ที่ยากที่สุด คือลดความเหลื่อมล้ำแบบรวยกระจุก จนกระจาย ให้สามารถรวยกระจายไปสู่ประชาชนในภูมิภาคที่ไม่เคยมีแผนพัฒนาเช่นนี้มาก่อน การเมืองยุคหน้าจะสามารถสานต่อให้ยั่งยืนได้หรือไม่ หรือต้องรอให้เกิดพรรคการเมืองทหารสืบทอดเจตนารมณ์ประเทศไทย 4.0 ต่อไปอีกหรือไม่ ต้องช่วยกันคิดเพื่ออนาคตของเรา