หากจะหวังประชาธิปไตยที่ดีงามจากการออกกฏหมายเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว ก็จะผิดหวังตลอดไป เพราะประชาธิปไตยจะดีงามอย่างไร ขึ้นอยู่กับสมาชิกในสังคมนั้นเอง ๆ กฏหมายบังคับอะไรไม่ค่อยสำเร็จหรอก
นักวิชาการชาวตะวันตกเขาโต้กันเรื่องนี้มานมนานแล้ว แต่ก็ยังข้ามไม่พ้น จุดอ่อนของการเลือกตั้งในจุดนี้
นักเศรษฐศาสตร์นับตั้งแต่มิลตัน ฟรีดแมน ได้วิพากษ์วิจารณ์ถึงประสิทธิภาพของระบอบฃประชาธิปไตยอย่างรุนแรง เนื่องจากระบอบประชาธิปไตยเป็นการกล่าวอ้างถึงผู้ลงคะแนนเสียงโดยปราศจากเหตุผล เขายกเหตุผลว่า ผู้ที่ไปลงคะแนนเสียงนั้นไม่ได้รับทราบถึงประเด็นทางการเมืองในหลายเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ และมีอคติอย่างรุนแรงเกี่ยวกับประเด็นส่วนน้อยที่ประชาชนสามารถทราบได้ ยกตัวอย่างเช่น สมาชิกของสหภาพแรงงานมักจะได้รับ
ทราบถึงนโยบายด้านแรงงาน ซึ่งสมาชิกของสหภาพแรงงานก็จะพยายามให้มีการผ่านกฎหมายเพื่อเป็นประโยชน์กับสหภาพแรงงานเอง แต่ไม่ครอบคลุมไปถึงประชากรทั้งหมด ผลที่เกิดขึ้น คือ นักการเมืองไม่อาจเข้าใจถึงความต้องการที่แท้จริงของประชาชนเลย นักเศรษฐศาสตร์จากเมืองชิคาโกโดนัลด์ วิทท์แมน ได้เขียนผลงานหลายเรื่องในความพยายามที่จะตอบโต้กับมุมมองทั่วไปกับเพื่อนร่วมงานของเขา โดยเขาโต้แย้งว่า ประสิทธิภาพของประชาธิปไตยนั้นจะขึ้นอยู่กับผู้ลงคะแนนเสียงที่มี
เหตุมีผล การเลือกตั้งเสรีและมีมูลค่าธุรกิจการเมืองอยู่ในระดับต่ำ นักเศรษฐศาสตร์ไบรอัน แคปแลนได้ให้ความเห็นว่า เขาไม่อาจข้ามพ้นชัยชนะของผู้ลงคะแนนเสียงที่ไม่มีเหตุผลได้ซึ่งอาจสรุปได้ว่าปัญหาของระบอบประชาธิปไตยมิใช่การขาดแคลนข้อมูลเพียงเท่านั้น แต่เหล่าผู้ลงคะแนนเสียงตีความอย่างไม่ถูกต้องและตัดสินข้อมูลที่พวกเขาไม่เคยรู้
สังคมไทยก็มีลักษณะพิเศษแบบไทย ๆ “ผู้กุมอำนาจรัฐ” ไทย ทั้งมาจากการเลือกตั้งและมาจากการรัฐประหารก็อยู่ในกรอบวัฒนธรรมสังคมแบบไทย ที่ฝังลึกมานานและลึกมาก ดังนั้นพิจารณาในแง่คุณภาพของการสร้างความเปลี่ยนแปลงก้าวหน้า จึงไม่ค่อยต่างกันนัก
กลไกสำคัญมากในบริหารจัการสังคมไทยคือระบบราชการ
สังคมไทยจะเปลี่ยนแปลงระดับคุณภาพได้ จะต้องเปลี่ยนแปลงระบบราชการให้ถึงขั้น “การเปลี่ยนแลงทางคุณภาพ” เสียก่อน
หลายสิบปีมานี้ ระบบราชการเปลี่ยนแปลงพัฒนาอยู่บ้าง แต่ยังอยู่ในขั้น “การเปลี่ยนแปลงระดับปริมาณ” เท่านั้น