เสรี พงศ์พิศ www.phongphit.com คนที่ทำให้คนไทยมีความสุขที่สุดในปี 2560 น่าจะเป็น อาทิวราห์ คงมาลัย หรือ ตูน บอดี้สแลม แม้ว่าเขาจะเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียง แต่ก็เป็นเพียงคนเล็กๆ คนหนึ่ง ที่ทำอะไรที่เล็กๆ ด้วยหัวใจที่ยิ่งใหญ่ ที่ได้กลายเป็นเหมือนหิมะก้อนน้อยที่กลิ้งลงมาจากภูเขาสูง รวมเอาหิมะอื่นกลายเป็นหิมะก้อนใหญ่มหึมา (avalanche) ที่มีพลังมหาศาล สามารถทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า ถ้าใช้ทฤษฎีอลเวง (Chaos Theory) เขาเป็นเหมือนผีเสื้อกระพือปีกที่หนึ่งทำให้เกิดพายุไต้ฝุ่นอีกที่หนึ่ง หรือสาเหตุเล็กๆ ทำให้เกิดเหตุการณ์ใหญ่แบบไม่มีใครคาดคิด ปรากฎการณ์ “ตูน” เป็นเหมือน ”ผีเสื้อกระพือปีก พสุธาสะท้านไหว” จึงอยากเรียกเขาว่า “ตูน ผีเสื้อสแลม” กระพือปีกที่เมืองไทยสะเทือนไหวไปถึงอเมริกา ไนกี้กระโดดเข้ามาช่วยและประชาสัมพันธ์ไปทั่วโลก การวิ่งของตูนเกือบสองเดือนเป็นข่าวทางสื่อทุกวัน เพราะเป็นอะไรที่ทุกคนสนใจติดตาม อยากรู้อยากลุ้นว่าไปถึงไหน ไปไหวไหม ได้เงินบริจาคเท่าไร ทำไมการวิ่งของผู้ชายคนนี้ถึงได้มีผลกระทบอย่างสำคัญต่อสังคมไทย กระเทือนไปทั้งองคาพยพ หรือทั้งระบบชีวิตของผู้คน ชุมชน สังคมที่ดูเหมือนเชื่อมสัมพันธ์กันหมด อย่างที่ฟิสิกส์สมัยใหม่กับภูมิปัญญาตะวันออกบอกว่า เด็ดดอกไม้ดอกเดียวกระเทือนถึงดวงดาว สรรพสิ่งล้วนสัมพันธ์เป็นหนึ่ง ตูน บอดี้สแลมให้ข้อคิดและบทเรียนสำคัญแก่สังคมไทยหลายประการ 1. สำคัญที่ “ใจ” เราได้เห็นหัวใจอันยิ่งใหญ่ของผู้ชายคนนี้ ที่ได้เปิดหัวใจของคนไทยทั้งชาติ ให้เห็นว่า ลึกๆ แล้วเป็นคนมีจิตใจดี ใจบุญ รู้จักให้ เสียสละเพื่อส่วนรวม เพียงแต่ยังไม่มีคนให้โอกาส ไม่มีคนกระตุ้นด้วยวิธีที่เหมาะสม ภาพเด็กอนุบาล ประถม มัธยม ที่มารอรับตูนข้างถนน บางคนเอากระปุกออมสินมามอบให้ ออมได้เท่าไรให้หมด มีคุณตาคุณยายมานั่งรอหลายชั่วโมงเพื่อรอพบรอบริจาค อวยชัยให้พร มีคนป่วยคนพิการ หมอ พยาบาล พระสงฆ์องค์เจ้า ตูนสามารถดึงคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกสถานภาพให้ออกมา “ร่วมขบวนพลเมืองสร้างสุข” ครั้งนี้ สร้างปฏิกิริยาลูกโซ่นิวเคลียร์ ที่ระเบิดบนถนนจากเบตงถึงแม่สาย ตูนได้ใจคนไทยทั้งชาติเพราะเสียสละเพื่อส่วนรวม การทำตัวระหว่างวิ่ง การให้สัมภาษณ์สื่อ ตูนแสดงให้เห็นความเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน มีสัมมาคารวะต่อผู้ใหญ่ คนเฒ่าคนแก่ อบอุ่น มีเมตตาต่อเด็ก เห็นอกเห็นใจคนป่วยคนพิการ เป็นคนจริงใจ “ผมเป็นแค่ตัวเชื่อม เป็นสะพาน...” เขาบอกให้คนทีเชียร์เขาคิดถึงหมอ พยาบาล นักวิ่งตลอดปีที่ทำงานด้วยความเสียสละและเหนื่อยยากเพื่อคนเจ็บป่วยที่สมควรได้รับการยกย่อง 2. แรงบันดาลใจ ตูนได้สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนมากมาย โดยเฉพาะเด็กเยาวชน คนรุ่นใหม่ คน ที่ชมชอบดนตรีร็อค ที่ไม่ได้มีแต่ความร้อนแรงและความรุนแรง แต่มีคุณค่าและความหมายลึกๆ แฝงไว้ให้ค้นหาและปรากฎออกมาได้มากมายหลายรูปแบบ แบบหนึ่งที่น่าทึ่งที่สุด คือ แบบที่ตูนได้ทำ เขาทำในสิ่งที่เขาร้องและเรียกหา ความจริง เพลงของตูน บอดี้สแลม ส่วนใหญ่จะมีความหมาย ให้กำลังใจคนอยู่แล้ว อย่างเพลง แสงสุดท้าย ที่คนรุ่นใหม่ ใครๆ ก็รู้จัก “ รอนแรมมาเนิ่นนานเพียงหนึ่งใจ กับทางที่โรยเอาไว้ด้วยขวากหนาม สุดแหลมคม ทิ่มแทง จนมันแทบจะทนไม่ไหว ชีวิต ถ้าไม่ยากเย็นขนาดนั้น สองมือจะมีเรี่ยวแรงขนาดไหน แต่หัวใจของคน ยังยืนยันจะไม่ถอดใจ” “ในค่ำคืนที่ฟ้านั้นไม่มีดาว อยู่ตรงนี้ ฉันยังคงก้าวไป ยังคงมีรักแท้เป็นแสงนำไปในคืนที่หลงทาง วันเวลาไม่เคยจะหยุดเดิน ไม่ว่าอะไรเราคงต้องเดินไปกับมัน เก็บทุกความผิดพลั้ง เป็นคำเตือนให้เราเข้าใจ ชีวิตเริ่มต้นที่คำว่าฝ่าฟัน ขอเพียงใจเราเท่านั้นไม่หวั่นไหว บทชีวิตของเรา เราจะทำให้มีความหมาย” ในจอทีวี แค่ได้ยินพยาบาลคนหนึ่งบอกว่า คิดจะลาออกจากอาชีพนี้ แต่ “พี่ตูน” ทำให้เธอเปลี่ยนใจ ได้กำลังใจและแรงบันดาลใจให้ทำงานต่อไป ทำให้คนคนหนึ่งลุกขึ้นสู้ เปลี่ยนใจได้ก็นับว่ายิ่งใหญ่แล้ว 3. พลังพลเมือง ได้ปรากฎให้เห็นอย่างชัดเจนตลอดสองเดือนที่ตูนวิ่งจากเบตงถึงแม่สาย ภาพ สองข้างทาง ถ้ามองให้ดีจะเห็นไม่เพียงแต่ผู้คน ชาวบ้าน แต่เห็น “พลเมือง” ซึ่งหมายถึงประชาชนคนมีสำนึกเป็นเจ้าของชีวิต เจ้าของสังคม เจ้าของอำนาจ คนที่เป็นอิสระ เสรี มีความสุข ประชาธิปไตยเกิดได้ในสังคมพลเมือง เพราะเป็นสังคมที่ประชาชนเป็นเจ้าของ เป็นผู้มีอำนาจและปกครองตนเองอย่างแท้จริง ปรากฎการณ์ตูนทำให้เห็นพลังอำนาจของประชาชน ยิ่งใหญ่จน “ข้ามรัฐ” ถ้ารัฐบาลนี้ไม่รู้สึกและมองไม่เห็น “พลังพลเมือง” นี้ก็น่าเสียดาย อยากให้รัฐบาลสมทบ “ก้าวคนละก้าว” 1 ต่อ 1 คือ ตูนวิ่งได้เท่าไร ให้รัฐบาลสมทบเท่ากัน ตูนวิ่งได้ 1,000 ล้าน รัฐบาลสมทบให้ 1,000 ล้าน โดยอาจขอเพิ่มอีก 11 โรงพยาบาล ทำได้จะวินวิน ไม่ใช่เกาะกระแสตูน แต่เกาะกระแส “พลเมือง” คุณตูนไม่ต้องไปเป็นนักการเมือง ทำอย่างนี้มีค่ากว่ามาก จะส่งเสริมประชาธิปไตย สร้างสรรค์สังคม ความรักสามัคคี จิตอาสาได้ดีกว่านักการเมืองหรือรัฐบาลไม่ว่าพลเรือนหรือทหาร สังคมไทยยังมีผีเสื้ออีกหลายตัว ช่วยกันกระพือปีก ให้สังคมสะท้านไหวและเปลี่ยนแปลง อย่างที่ ตูน “ผีเสื้อสแลม” ได้ทำ