ดร.วิชัย พยัคฆโส
[email protected]
ข่าวอื้อฉาวของตำรวจไทยที่เป็นข่าวที่สนใจของชาวโลก สร้างความอัปยศอดสูต่อประเทศไทยที่เขากล่าวขวัญกันว่าเต็มไปด้วยการทุจริตคอร์รัปชัน ตั้งแต่คดีของลูกชายเครื่องดื่มดังขับรถชนตำรวจเสียชีวิต และมาถึงคดีเอาถุงดำถึง 6 ใบคลุมหัวจนตายของอดีต ผกก.โจ้แห่งนครสวรรค์
ทุกครั้งที่มีข่าวใหญ่ๆของตำรวจทุกครั้ง ดูเหมือนว่าจะช่วยให้สังคมรับรู้ว่าถึงเวลาปฏิรูปตำรวจไทยได้แล้ว ความจริงรัฐบาลถือว่าเป็นนโยบายเร่งด่วนที่ต้องปฏิรูปตำรวจและกระบวนการยุติธรรมให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี แต่ผ่านมาหลายปีก็ยังไม่ค่อยจะคืบหน้าทั้งๆที่ พ.ร.บ.ตำรวจอยู่ในมือของสภาผู้แทนราษฎรที่ผ่านวาระแรกไปแล้ว 172 มาตรา แต่ปรับแก้กันได้เพียง 12 มาตรา แล้วถูกแช่แข็งจนไม่ทันการมาถึงปัจจุบัน
ต้องยอมรับว่าตำรวจน่าจะปฏิรูปกันมานานแล้ว แต่ยิ่งปฏิรูปยิ่งทำให้ตำรวจไทยก้าวหน้า มียศมีตำแหน่งกันเพิ่มขึ้น ขยายไปยังโรงพัก และภูมิภาคกันมากขึ้น จากเดิมเป็นตำรวจที่อาจจะถูกลืมว่ามีสถาบันตำรวจอยู่ด้วยซ้ำไป เป็นๆที่รู้ๆกันอยู่ว่าปัจจุบันตำรวจไทยก้าวหน้ากันเร็วมาก ข้ามหัวรุ่นพี่ๆกันมากมายเพราะอำนาจของการวิ่งเต้นและการเงินที่ส่งส่วยกันมาเป็นลำดับ จึงทำให้ตำรวจไทยฉาวโฉ่ด้วยการทุจริตและมีรายได้สูงตำแหน่งใหญ่ๆ การโยกย้ายก็เพื่อสร้างความชอบธรรมให้ปรากฏเท่านั้น
ความใฝ่ฝันของคนไทยต้องการเห็นการปฏิรูปตำรวจไทยให้เป็นของประชาชนที่แท้จริง ดังเช่น อเมริกา ญี่ปุ่น ฯลฯ ที่เอาตำรวจไปสังกัดองค์กรส่วนปกครองท้องถิ่น มียศแค่ร้อยเอก ไร้ซึ่งนายพลที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ
ในอเมริกาตำรวจกินเงินเดือนของท้องถิ่น ที่เก็บภาษีจากประชาชน นายกเทศมนตรีเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด เขาไม่มีการโยกย้าย ไม่มีทุจริต เพราะเป็นภาษีของท้องถิ่น เขาไม่มี ร.ร.นายร้อย หรือ ร.ร.ตำรวจแต่อย่างใด การบังคับบัญชาจึงทำได้ง่ายและคล่องตัว ไม่เหมือนกับตำรวจไทยที่แบ่งตำรวจออกไปเป็นสาขาอาชีพ เช่น ตำรวจจราจร รถไฟ น้ำ ท่องเที่ยว และอื่นๆอีกมาก
ดีแต่ว่าตำรวจดับเพลิง ตำรวจความสะอาด ฯลฯ ถูกโยกไปสังกัดท้องถิ่นเสียก่อน จึงเป็นไปได้ว่าตำรวจของประชาชนต้องมีประชาชนเป็นผู้ดูแล จะทำให้อำนาจต่างๆและอบายมุขต่างๆลดน้อยลงไปได้ นั่นคือการโยกตำรวจไปสังกัดท้องถิ่นเสียให้หมด แต่คงยังทำไม่ได้เพราะจะต้องรอให้ไทยกระจายอำนาจลงไปสู่ท้องถิ่นจริงๆจังๆเสียก่อน
ตำรวจที่ว่าร่ำรวยเพราะคงแฝงไว้ด้วยการหากินที่ผิดไปจากปกติ ไม่ว่าจะเป็นสังคมสีดำหรือสีเทา ดังเช่น ระดับของผู้กำกับบางราย ที่อาจหาประโยชน์จากการค้ารถเถื่อน ของเถื่อน หรือการอำนวยความสะดวกให้คนต่างชาติเข้ามาประเทศไทยโดยผิดกฎหมายก็อาจเป็นไปได้ เพราะเงินเดือนเพียง 4 หมื่นกว่าบาท ถึง 7 หมื่นกว่าบาท ก็ตาม คงไม่สามารถสะสมทรัพย์สินได้มากมายขนาดนั้น
นับเป็นความโชคร้ายของประชาชนที่ต้องอยู่ภายใต้อำนาจของตำรวจไทยให้กดขี่และทรมานด้วยวิธีการต่างๆ ถึงอย่างไรก็ยังมั่นใจว่า พ.ร.บ.ตำรวจคงปรับโครงสร้างบ้าง โดยเฉพาะการสอบสวนควรมีอัยการร่วมด้วย คงได้เพียงเท่านี้ แล้วเมื่อใดตำรวจไทยจะเป็นของประชาชนคนไทยอย่างแท้จริง?