ทีมข่าวคิดลึก
เกิดเป็นคลื่นลูกใหญ่ที่ไล่ตามหลังกันมาติดๆ เมื่อบรรดา "คดีความ"ซึ่งมี "นักการเมือง" ในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้ทยอยกันพาเหรดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นด้วยเพราะการที่สถานการณ์ประจวบเหมาะ หรือเป็นเพราะความคืบหน้าการทำงานของกระบวนการยุติธรรม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือความหวั่นไหว และความหวาดวิตกสำหรับนักการเมืองหลายต่อหลายคนไม่น้อย
ว่ากันว่านับตั้งแต่การที่ "สนธิลิ้ม ทองกุล" อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เลือกที่จะยอมรับในกระบวนการยุติธรรมแทนการหลบหนีคดี จนเกิดเป็นข้อเปรียบเทียบระหว่างสนธิ กับ"ทักษิณชินวัตร"อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ยังอยู่ในระหว่างการหลบหนีคดี ยิ่งกลายเป็น "แรงกดดัน" ที่กำลังเทไปยัง "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกฯ น้องสาวของทักษิณ ว่าที่สุดแล้ว "มหากาพย์คดีจำนำข้าว" ที่ยิ่งลักษณ์กำลังเผชิญหน้าอยู่ทั้งคดีอาญา และคดีทางแพ่งที่มีการประเมินค่าเสียหายมูลค่ามหาศาล
หากที่สุดแล้วการตัดสินของศาลพิพากษาออกมาให้ยิ่งลักษณ์ ต้องรับผิดจนถึงขั้นต้องเดินหน้าเข้าสู่เรือนจำเมื่อถึงวันนั้น สถานการณ์ของฝ่ายยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทย จะเป็นอย่างไร เพราะวันนี้เกิดภาพให้เปรียบเทียบจากสนธิ ไปสู่คดีความต่างๆ ที่ล้วนแล้วแต่เกี่ยวเนื่อง เชื่อมโยงกับขั้วอำนาจทักษิณ และพรรคเพื่อไทยกันเป็นทิวแถว
ลำพังคดีทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวที่อยู่ในศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่มีทั้งยิ่งลักษณ์ และ "บุญทรง เตริยาภิรมย์" อดีต รมว.พาณิชย์ ตกเป็นจำเลย ก็ทำให้พรรคเพื่อไทยอยู่ในสภาพที่เรียกว่า "ระส่ำ" เพราะขาดทั้ง "หัวขบวน" ที่เคยปลุกคะแนนนิยมในฐานะ "นายกฯ หญิงคนแรก" ของประเทศไทย ยังไม่นับรวมผลพวงที่เกิดขึ้นตามมาในทางคดีทางแพ่ง เมื่อมีการเรียกค่าเสียหายมูลค่ามหาศาลซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่า ทั้งยิ่งลักษณ์ และบุญทรง จะชดใช้กันได้อย่างไร
ล่าสุดยังมีคิว ของ"วัฒนา เมืองสุข" แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่ต้องเจอกับคดีเก่า ในฐานะ อดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เมื่อคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงโครงการทุจริตบ้านเอื้ออาทรของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมสรุปคดีดังกล่าวเพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ เพื่อพิจารณาชี้มูลต่อไปหรือไม่ภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้
แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนในพรรคเพื่อไทยในท่วงทำนองที่ขัดใจ อึดอัดคับข้องต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ตลอดจนกลไกต่างๆ กำลังหาทางจัดการกับ "ฝ่ายตรงข้าม" ก็ตาม แต่ดูเหมือนว่า ยิ่งเมื่อคดีความเดินหน้าไปอย่างเข้มข้นยิ่งทำให้พรรคเพื่อไทยยากที่จะขยับเพื่อเตรียมตัวรุกในการต่อสู้ครั้งหน้ามากขึ้นทุกที
ความหวั่นไหวของยิ่งลักษณ์ จะมีมากขึ้นหรือน้อยลง อาจไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องแสดงออกมาให้ "ลูกพรรค" และฝ่ายตรงข้ามอย่างคสช. ได้รับรู้ เพราะย่อมไม่เป็นการดี หรือใช้เป็นคะแนนสงสารเรียกร้องความเห็นใจได้ ตามที่หลายฝ่ายในพรรคเคยประเมินว่าอาจจะใช้คะแนนสงสารเป็น "อาวุธ"เพื่อกดดัน คสช. กลับ
ยิ่งในสภาพความเป็นจริงวันนี้เมื่อ คสช. เป็นฝ่ายกระชับอำนาจในทุกมิติ อีกทั้งยังดูเหมือนว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. มีความเชื่อมั่นว่าวันนี้แรงกดดันจาก "นอกประเทศ" ที่เคยกระแทกเข้าใส่ คสช. กำลังลดน้อยลง เสมือนเป็นการเปิดทางให้ คสช. ทำงานได้สะดวกราบรื่นมากยิ่งขึ้น!