“เห็นประเทศอื่นเขาทำได้ก็อยากเป็นอย่างเขาบ้าง แต่จิตสำนึกของคนในชาติยังเป็นแบบกึ่งศตวรรษก่อน” ข้อสรุปนี้เกิดขึ้นเมื่อเห็นข่าว โปรโมชั่นนโยบาย “ประเทศไทย 4.0” พร้อม ๆ กับข่าวกิจกรรมรับใหม่ของนักศึกษามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เกิดเหตุน้องใหม่หมดแรงจมน้ำหมดสติ ถึงยังไม่ตายก็หมดอนาคตไปแล้ว
การพัฒนาประเทศต้องตั้งอยู่บนฐานความจริงของ “จิตสำนึก” คน “พฤติกรรม” ของคนเกิดจากจิตสำนึก แม้มีเครื่องมือทันสมัยแต่ “จิตสำนึก” ยังคงโบราณอยู่ ก็ช่วยการพัฒนาสังคมไม่ได้มาก
ชนชั้นนำไทย ฝันเป็นตุเป็นตะเรื่อง “ประเทศไทย 4.0” พวกเขาเห็นว่า “ภายในปี พ.ศ. 2568 การปฏิวัติดิจิทัลอาจเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชนใน ASEAN ทำให้การใช้เงินสดกลายเป็นเรื่องที่ล้าสมัยและเมืองมีความเป็นอัจฉริยะมากขึ้น มีความปลอดภัยในการใช้ชีวิตมากขึ้น อาเซียนจึงมีโอกาสในการนำร่องการพัฒนาบริการดิจิทัลรูปแบบใหม่ด้วยมีประชากรวัยรุ่นจำนวนมากที่ใช้สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริการด้านการเงินผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่และ e-commerce ซึ่งมีความก้าวหน้าทันสมัย
ทศวรรษนับจากนี้ ภาคการผลิตของอาเซียนมีแนวโน้มที่จะนำเทคโนโลยี “ยุคอุตสาหกรรม 4.0” ที่ช่วยให้เครื่องจักรทำงานอย่างสอดคล้องกลมกลืนเป็นสายการผลิตเดียวกันกับผลิตภัณฑ์ที่กำลังผลิตมาใช้งานซึ่งจะเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น มีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น และช่วยให้มีการปรับแต่งในการใช้งานให้มีความเฉพาะตามต้องการมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถเข้าถึงบริการต่างๆของรัฐซึ่งเป็นระบบดิจิทัลได้ทั่วทั้งภูมิภาค ASEAN จนทำให้รูปแบบปฏิสัมพันธ์ที่ประชาชนมีกับภาครัฐทั้งในระดับประเทศและระดับท้องถิ่นเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอีกด้วย ภายในปี พ.ศ. 2568 ประชากร ASEAN โดยส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มดิจิทัลโดยกำเนิด (Digital Natives) พร้อมไปด้วยการใช้เครื่องมือที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ทั้งด้านชีวิตส่วนบุคคลและหน้าที่การงานดีมากยิ่งขึ้น
Thailand 4.0 จะต้องไม่เป็นเพียงแค่การประดิษฐ์ Keyword ที่สวยหรู แต่ประเทศไทยจำเป็นต้องยกเครื่องกฎหมายและกฎระเบียบทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับมือกับธุรกิจและอุตสาหกรรมดิจิทัล โดยประเทศไทยต้องเสริมสร้างแผนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้มีความแข็งแกร่ง ทบทวนกฎหมายและกฎข้อบังคับสำหรับภาคส่วนที่สำคัญ (เช่น การให้บริการทางด้านการเงิน) และกระตุ้นระบบนิเวศดิจิทัลในประเทศให้มีความแข็งแกร่งขึ้น และดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนในการขยายการเข้าถึงโครงข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงอย่างรวดเร็วให้ทันต่อความต้องการและการเปลี่ยนแปลงของทุกอุตสาหกรรม และหากประเทศไทยมีความแข็งแกร่งด้านการให้บริการดิจิทัลแล้ว ก็จะทำให้ประเทศสามารถเชื่อมโยงกับระบบเศรษฐกิจ ASEAN พร้อมกับการเป็นผู้นำการให้บริการดิจิทัลในภูมิภาคนี้และของโลกอย่างยั่งยืน”
เพื่อจะไปถึงระดับนั้น พวกเขาคิดได้แต่ว่า ต้องแก้กฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการเกิดนวัตกรรมบริการทางการเงินผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่และ e-commerce
แต่เราคิดว่า การพัฒนาประเทศสำคัญอยู่ที่การเปลี่ยนระบบคิดของพลเมือง ถ้าระดับความคิดจิตสำนึกของนักศึกษาเยาวชนระดับแนวหน้าที่เรียนมหาวิทยาลัยยังหลงกอดยึดอยู่กับค่านิยม “รับน้องใหม่” แบบห้าสิบกว่าปีที่แล้วอยู่ ความฝันประเทศไทย 4.0 คงเป็นไปไม่ได้ ไทยคงจะเป็นประเทศผู้ “รับจ้างทำของ” ตลอดไป