เป็นที่รู้กันว่า แหล่งผลิตยาเสพติดใหญ่นั้นอยู่ในดินแดนพม่า แล้วต่อมาขยายออกไปถึงในดินแดนสปป.ลาว ห่วงโซ่การค้าขายยาเสพติดสำคัญที่สุดก็คือ การนำยาเสพติดเข้าสู่ประเทศไทย การปราบปรามการค้าขาเสพติดที่ดำเนินการกันอยู่ทุกวันนั้น มีการจับกุมนักค้ายาเสพติดชาวไทยได้ในประเทศไทย ปรากฏเป็นข่าวเกือบทุกวัน ระยะหลังมานี้ สามารถจับกุมยาบ้าได้จำนวนมากเป็นหลักแสนหลักล้านเม็ดบ่อยขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ต้องชมเชยเจ้าพนักงานที่เกี่ยวข้องทกหน่วยทุกท่าน แต่ทว่าการลักลอบขนยาเสพติดเข้าสู่ภายในประเทศก็ยังมีแทบทุกวันเช่นกัน ทางการไทยจับกุมได้แต่นักค้ายาเสพติดชาวไทย น้อยครั้งที่จะมีข่าวจับกุมหัวขบวนค้ายาเสพติดสัณชาติพม่าได้ การปราบปรามยาเสพติดนั้น ถ้ากำจัดต้นตอผู้ผลิตไม่ได้ ก็ต้องเหนื่อยกับการวิ่งจับผู้ค้ารายย่อยกันไม่รู้จบสิ้น การปราบปรามจับคุมการผลิตยาเสพติดโดยทางการพม่านั้น ก็มีรายงานข่าวอยู่บ้าง แต่ไม่มาก เช่นเมื่อสองปีก่อน หน่วยปราบปรามยเสพติดของพม่า จับแหล่งผลิตยาเสพติดแหล่งใหญ่ สามารถยึดของกลางเฮโรอีนได้ 770.0025 กิโลกรัม ยาบ้า 2,780,059 เม็ด ยาไอซ์ 5.5055 กิโลกรัม น้ำยาเคมี 7,853.92 ลิตร ซูโอแอดติน 28,850 เม็ด น้ำยาดับกลิ่น 60 ลิตร อาโนมียัมโกรทไลท์ 492 กิโลกรัม ผงถ่าน 60 กิโลกรัม ผงคาร์บอน 8 กิโลกรัม ผงเพาะสปริด 50 กิโลกรัม ผงกาว 39 กิโลกรัม และอุปกรณ์จำนวนหนึ่ง ผู้ต้องหาชาย 59 คน และหญิง 16 คน รวม 75 แต่ถึงที่สุดแล้ว ฝ่ายไทยก็ต้องพึ่งตัวเองเป็นหลัก การจะลดทอนการนำเข้ายาเสพติดจากพม่าให้ได้ผลมากขึ้น ก็จำเป็นต้องปราบผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่เป็นเศรษฐีชาวพม่า ซึ่งมันเป็นเรื่องยากสลับซับซ้อน เราขอให้กำลังใจขอให้ทำงานเพื่อชาติได้ผลยิ่ง ๆ ขึ้นไป ล่าสุด จากผลการขยายการสืบสวนกรณีจับกุมยาเสพติดหนึ่งล้านเม็ด ที่นนทบุรี เมื่อวันที่ 12 กันยายน แล้วขยายผลได้ผู้ต้องหา “นายเอกอ้วน” -นายจิรัฏฐ์ เพ็ญโสภณวิชญ์ เป็นพ่อค่ายาเสพติดรายใหญ่ หลังจากนั้นมีการขยายผลสืบสวน จนกระทั่งมีการจับกุมนางมินท์ เตง เอ อายุ 41 ปี ชาวเมียนมาร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาในข้อหา "สนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด โดยเปิดบัญชีรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดจากผู้กระทำผิดเพื่อประโยชน์ หรือให้ความสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือเพื่อมิให้ผู้กระทำความผิดถูกลงโทษ" ได้เมื่อสัปดาห์ก่อน ทางการตำรวจระบุว่าจากการสืบสวนพบว่าผู้ต้องหารายนี้เป็นผู้ต้องหารายสำคัญ ที่เป็นเจ้าของบัญชีรับโอนเงินจากเครือข่ายยาเสพติดทุกรายใหญ่ในประเทศไทย ก่อนโอนไปยังโรงงานผลิตยาในประเทศพม่า โดยพบมีพฤติการณ์รับโอนเงินให้กลุ่มเครือข่ายยาเสพติดมากว่า 10ปี มีเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารต่อปีมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยจะนำเงินดังกล่าวไปฟอกด้วยการเปิดร้านจิวเวอรี่ อัญมณี ร้านทอง และโรงแรมทั้งในฝั่งไทยและพม่าบังหน้า นอกจากนั้นยังเปิดเผยเส้นทางฟอกเงินผ่านการซื้อขายน้ำมันด้วย เราขอชมเชยทุกหน่วยงานที่ร่วมกันปราบปรามพ่อค้ายาเสพติดกลุ่มนี้ได้ อย่างไรก็ตาม สายงานของขบวนการค้ายาเสพติดจากพม่าก็ยังมีอีกหลายสายงาน ราชการไทยยังต้องทุ่มเทถอนรากถอนโคนให้ได้ต่อไป