ดูเหมือนว่าแผนใช้ "มวลชน" เขย่า "เก้าอี้" ของ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทำท่าว่าจะไปได้สวย ได้น้ำได้เนื้อมากกว่าที่จะไปฝากความหวังเอาไว้ที่ "พิธีกรรมในสภาฯ" ด้วยการใช้ "ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ" ห้ำหั่นรัฐบาลเสียแล้ว
ยิ่งเมื่อวันนี้ นาทีนี้ได้เห็นแล้วว่า ยังไม่ทันที่เกมในสภาฯจะเริ่มต้น ปรากฎว่า "ฝ่ายค้าน" กลับจับคู่ "งัดข้อกันเอง" อย่างที่เห็น ทั้ง "พรรคเพื่อไทย" ในฐานะ "พี่ใหญ่" ที่กำลังโดน "รุ่นน้อง" อย่าง "พรรคก้าวไกล" โยนข้อหาว่าทำให้ชื่อ "บิ๊กป้อม"พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หล่นจากบัญชีซักฟอก ออกมาตอบโต้ด้วยการท้าทายให้ "คุยกันต่อหน้าสื่อ" อย่าใช้วิธีให้ข่าวลับหลัง พูดจาไม่ตรงกับ "ความจริง" ตีกินกันเองอย่างนี้
เพราะขณะที่พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล กำลัง "แลกหมัด" ใส่กันอย่างดุเดือดอยู่นั้น กลับพบว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมในนามม็อบราษฎร ที่จัดชุมนุมกันมาอย่างต่อเนื่อง ชนิดรายวัน ก่อนที่จะจบลงด้วยการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมสายฮาร์ดคอร์ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) มีผู้ได้รับบาดเจ็บโดยเฉพาะฝ่ายผู้ชุมนุมเอง
ไม่ว่าจะเป็น "ไฮโซลูกนัท" ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย ที่ได้รับบาดเจ็บระหว่างการชุมนุมจากการชุมนุม เมื่อวันที่ 13 ส.ค.64 ที่ผ่านมา โดยถูกยิงเข้าที่เบ้าตา โดยวัตถุ ที่ยังไม่มีการพิสูจน์ทราบได้ว่าเป็นวัตถุชนิดใด และจนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีการระบุชัดเจนจากโรงพยาบาลว่า ไฮโซลูกนัท ตาบอดจริงหรือไม่ ก็ปรากฎว่า อาการบาดเจ็บของเขาได้กลายเป็น ประเด็นที่แกนนำผู้ชุมนุมพากันกระจายข่าว ไปไกลว่า ไฮโซลูกนัท ตาบอดแล้ว พร้อมทั้งระบุว่าโดนแก๊สน้ำตายิงใส่
ล่าสุดการชุมนุมเมื่อค่ำวันที่ 16 ส.ค.พบว่ามีผู้ชุมนุม 2 รายได้รับบาดเจ็บ จากการถูกยิงด้วยกระสุนขนาด .22 ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างรักษาตัวที่โรงพยาบาลราชวิถี ได้กลายเป็น "ของร้อน" สำหรับฝ่ายเจ้าหน้าที่ทันทีเมื่อทั้งฝ่ายผู้ชุมนุมและ นักการเมืองจากพรรคก้าวไกล พากันออกมาประณามว่าเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างแน่นอน
พร้อมกันนี้ ยังเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เวลานี้กำลังเกิดคำถามตามมาว่า ในเมื่อฝ่ายผู้ชุมนุมเองก็รู้ดีว่า ถึงอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่มีทางประกาศลาออก จากแรงกดดันโดยมวลชนบนท้องถนนแน่นอน เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริง การชุมนุมของม็อบราษฎร ตั้งแต่เมื่อปี 2563 คงบรรลุเป้าหมายไปนานแล้ว
แต่อย่าลืมว่า "ผลลัพธ์" ที่จะเกิดขึ้นตามมาจากความรุนแรง จากความสูญเสียหากมีผู้ชุมนุมรายใดรายหนึ่งเกิด "เสียชีวิต" ขึ้นมา โดยไม่ต้องรอการพิสูจน์ว่าเป็นฝีมือของใคร ปฏิบัติการโหนกระแส เพื่อสร้างแรงกดดันอย่างหนักหน่วงจะกระแทกเข้าใส่ตัวพล.อ.ประยุทธ์ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดังนั้นเป้าหมายที่แท้จริงของการชุมนุมเคลื่อนไหว เปิดหน้ากดดันพล.อ.ประยุทธ์ ไม่เว้นแต่ละวัน โดยจบลงที่ความรุนแรง ความเสียหายต่อทรัพย์สินที่เกิดขึ้น กำลังแสดงผลให้เห็น ทั้งประชาชนที่อยู่บริเวณโดยรอบสามเหลี่ยมดินแดง ที่ได้รับผลกระทบจากการปะทะกันหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุม หรือแม้แต่ "มือที่สาม" ได้ถูกดึงเข้ามาโดยปริยาย ขณะเดียวกันการชุมนุมเพื่อล่อให้เจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรง ยังจะกลายเป็น การบั่นทอนตัวพล.อ.ประยุทธ์ ในทางตรง เพราะฝ่ายผู้ชุมนุมเองก็รู้ดีว่า รัฐบาลใช้วิธีการ "ประคองสถานการณ์" ไม่ให้เกิดความรุนแรงซ้ำรอยการสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงในปี 2553 ที่ต้องดึงเจ้าหน้าที่ทหารออกมา
การยื้อยุดในท่ามกลางสถานการณ์การชุมนุมที่กำลังเพิ่มระดับความรุนแรง และสุ่มเสี่ยงที่จะมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตไม่เว้นแต่ละวันเช่นนี้ ดูเหมือนว่า รัฐบาลกำลังเป็น "ฝ่ายตั้งรับ" หาทาง "รุก" ได้ยากเต็มที !?