ต่อไปนี้เราคงจะหยุดเรียกร้อง “การปฏิรูป” แต่จะเรียกร้อง “การปรับปรุง” แก้ไข ต่อไป คือลดทอนเป้าหมายความหวังลง ! สามปีที่ผ่านมาของ คสช. ก็มิใช่ว่าจะไม่มีการปรับปรุงแก้ไขปัญหาในสังคม เพียงแต่ว่าผลงานที่เป็นรูปธรรมนั้น ส่วนใหญ่คือการปรับปรุงแก้ไขตัวบทกฏหมาย อย่างไรก็ตาม ผลรูปธรรมของกฏหมาย ยังจะต้องผ่านการปฏิบัติของเจ้าพนักงานผู้รักษากฏหมาย ซึ่งตามบทเรียนในอดีตนั้น เตือนใจเราว่า ถึงแม้สังคมจะมีตัวบทกฏหมายที่ดีก็ตาม แต่ก็ยังมีปัญหาทางด้านการใช้กฏหมาย การรักษากฏหมาย อยู่ไม่น้อย ทั้งนี้รากเหง้าของปัญหากอยู่ที่รากวัฒนธรรมของสังคมไทยเรานั่นเอง ลักษณะวัฒนธรรมในสังคมไทย 3 ประการที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ กล่าวคือ วัฒนธรรมอุปถัมภ์ อำนาจนิยม และรวมศูนย์อำนาจ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้กฎหมายไทยมุ่งให้อำนาจและเอกสิทธิ์แก่ระบบราชการมากกว่าการควบคุมการใช้อำนาจ ความสัมพันธ์ของระบบอุปถัมภ์ที่มีรากลึกในสังคมไทย เป็นสาเหตุสำคัญทำให้ข้าราชการผู้มีอำนาจเป็นเจ้าคนนายคน ซึ่งอุปถัมภ์ค้ำชู้ปกป้องและปกครองผู้อยู่ใต้อุปถัมภ์ ทำให้สภาพกฎหมายไทยมีลักษณะให้อำนาจและเอกสิทธ์แก่ระบบราชการและข้าราชการ สังคมไทยในทางการเมืองเป็นสังคมอำนาจนิยม ในสังคมแบบนี้ยึดหลักอำนาจคือธรรม โดยความชอบธรรมถูกกำหนดโดยอำนาจปัจจุบันที่ผู้มีอำนาจมีอยู่ ดังนั้นระบบราชการและข้าราชการจึงเป็นศูนย์กลางแห่งอำนาจและการใช้อำนาจ เหนือประชาชน ปัญหาการใช้กฏหมายที่มีผลกระทบกระเทือนความศรัทธาเชื่อมั่นของประชาชนก็คือ การให้อำนาจและเอกสิทธิ์แก่ระบบราชการมากกว่าควบคุมการใช้อำนาจ เราสรุปปัญหากฏหมายไทย ได้ดังนี้ 1.) กฎหมายมีเนื้อหาไม่สมบูรณ์ ไม่ครบถ้วน ให้อำนาจแก่พนักงานมากเกินไป โดยปราศจากการควบคุม การใช้ดุลยพินิจที่ดี การที่กฎหมายมีสภาพเช่นนี้ ทำให้มีการใช้อำนาจเพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เป็นไปได้โดยง่าย 2.) กฎหมายมุ่งการควบคุม ซึ่งบางครั้งไม่จำเป็น และซับซ้อนกันมาก 3.) ขั้นตอนตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับมีมากและล่าช้า สร้างความไม่แน่นอนให้เอกชน ความไม่แน่นอนและความล่าช้าเหล่านี้ สร้างความเสี่ยงในการลงทุนให้แก่เอกชนและทำให้เอกชนต้องเสียค่าใช้จ่ายโดย ไม่จำเป็น 4.) ความล้าสมัยของกฎหมาย กฎหมายหลายฉบับได้ตราขึ้นในสภาพสังคมแบบเก่า แต่ยังมีผลบังคับใช้ในปัจจุบัน และได้กลายเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศเป็นอย่างยิ่ง 5.) ปริมาณกฎหมายมีมากและการมอบอำนาจให้ฝ่ายบริหารออกกฎหมาย อนุบัญญัติได้ง่ายและปราศจากขอบเขตที่แน่นอน 6.) กระบวนการนิติบัญญัติไทย เป็นกระบวนการที่ระบบราชการบริหารเป็นผู้กำหนดและเป็นกระบวนการที่ล่าช้าไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลง โดยภาพรวมจึงส่งเสริมให้ราชการฝ่ายบริหารเป็นแกนกลางของรัฐ จนกลายเป็นระบบที่ทรงพลังและปลอดจากการแทรกแซงของฝ่ายการเมืองและประชาชนมากเกินไป