เมื่อเริ่มแรกที่รัฐบาลเข้ารับตำแหน่ง ได้แถลงนโยบาย 11 ด้านต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ครั้งที่ 8/2557 ในวันนั้นนายกรัฐมนตรี พลเอกระยุทธ จันทร์โอชา แถลงว่า “นโยบายทุกด้าน ต้องสร้างความเข้มแข็งแด่องค์กรปกครองทุกระดับ ตั้งแต่ท้องถิ่นถึงประเทศ ต้องการเสนอยุทธศาสตร์การพัฒนาที่ยั่งยืน ครอบคลุมปัญหาทั้งระยะเฉพาะหน้าที่ต้องทำทันที ระยะกลางที่ต้องทำต่อไปหรือต้องรอการบังคับใช้กฎหมาย และระยะยาว แม้จะไม่เห็นผลในระยะอันใกล้ แต่รัฐบาลนี้ต้องการวางรากฐานเพื่อให้รัฐบาลข้างหน้าเข้ามารับช่วงได้อย่างต่อเนื่อง ประการสำคัญ ต้องการให้ประชาชนเกิดความชัดเจน รู้ล่วงหน้าว่าประเทศของเราจะก้าวไปทางไหน” ผ่านมาสามปีกว่าแล้ว รัฐบาลมีผลงานด้านการปรับปรุงแก้ไขกฏหมาย การออกกฏหมายใหม่ ๆ มาก แต่ก็ดูเหมือนว่า “ประชาชนยังไม่ชัดเจนว่าประเทสเราจะก้าวไปทางไหนกัน” และอีกเรื่องที่สำคัญมากคือรัฐบาลยังขาดเรื่องที่ “โดนใจ” ประชาชนแบบหมัดน็อค “หมัดน็อค” นั้น แท้จริงก็คือส่วนหนึ่งของนโยบายที่รัฐบาลประกาศว่าจะทำ แต่ยังทำได้ผลสำเร็จช้า นั่นกคือนโยบายข้อที่สิบของรัฐบาล ตู่ 1 อันมีเนื้อหาดังนี้ “10. นโยบายการส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ จัดระบบอัตรากำลังและปรับปรุงค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐให้เหมาะสมและเป็นธรรม ยึดหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นวางใจในระบบราชการ ลดต้นทุนดำเนินการของภาคธุรกิจเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันกับนานาประเทศ การรักษาบุคลากรภาครัฐที่มีประสิทธิภาพไว้ในระบบราชการ โดยจะดำเนินการตั้งแต่ระยะเฉพาะหน้าไปตามลำดับความจำเป็นและตามที่กฎหมายเอื้อให้สามารถดำเนินการได้ ในระยะแรก กระจายอำนาจเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริหารสาธารณะได้รวดเร็ว ทั้งจะวางมาตรการทางกฎหมาย มิให้เจ้าหน้าที่หลีกเลี่ยง ประวิงเวลา หรือใช้อำนาจโดยมิชอบก่อให้เกิดการทุจริต หริอสร้างความเสียหายแก่ประชาชนโดยเฉพาะนักลงทุน ในระยะเฉพาะหน้าจะเน้นการปรับปรุงหน่วยงานให้บริการด้านการทำธุรกิจ การลงทุน และด้านบริการสาธารณะในชีวิตประจำวันเป็นสำคัญ เสริมสร้างระบบคุณธรรมในการแต่งตั้งและโยกย้ายบุคลากรภาครัฐ วางมาตรการป้องกันการแทรกแซงจากนักการเมือง และส่งเสริมให้มีการนำระบบพิทักษ์คุณธรรมมาใช้ในการบริหารงานบุคคลของเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆปรับปรุงและจัดให้มีกฎหมายเพื่อให้ครอบคลุมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และการมีผลประโยชน์ทับซ้อนในภาครัฐทุกระดับ โดยถือว่าเรื่องนี้เป็นวาระสำคัญเร่งด่วนแห่งชาติและเป็นเรื่องที่ต้องแทรกอยู่ในการปฏิรูปทุกด้าน ทั้งจะเร่งรัดการดำเนินการต่อผู้กระทำการทุจริตทั้งในด้านวินัยและคดี รวมทั้งให้ผู้ใช้บริการมีโอกาสประเมินระดับความน่าเชื่อถือของหน่วยงานรัฐ และเปิดเผยผลการประเมินต่อประชาชน อีกทั้งจะทำกรณีศึกษาที่เคยเป็นปัญหา เช่น การจัดซื้อจัดจ้าง การร่วมทุน การใช้จ่ายเงิยภาครัฐ การปฏิบัติโดยมิชอบ ซึ่งได้มีคำวินิจฉัยขององค์กรต่างๆ มาเป็นบทเรียนให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ และประมวลเป็นกฎระเบียบหรือคู่มือในการปฎิบัติราชการ” การปรับปรุงหน่วยราชการที่ประชาชนใส่ใจมากคือการปฏิรูปตำรวจ ซึ่งปรากกผลเป็น “หมัดแย็ป” มิใช่ “หมัดน็อค” การปรับ ครม. รอบนี้ ก็เป็นเพียงงานยุทธวิธีเท่านั้น สาเหตุที่รัฐบาลต้องเป็นทุกข์เป็นร้อนมากกว่าเมื่อสามปีที่แล้ว แทนที่ประชาชนจะมีความเชื่อมั่นวางใจในระบบราชการสูงขึ้น อย่างที่รัฐบาลเคยแถลงไว้ แต่ผลกลับกลายเป็นว่า ประชาชนมีความเชื่อมั่นวางใจนะบบราชการลดลง น่นก้เพราะว่ารัฐบาลมิด้ปรับปรุงระบบราชการนั่นเอง