ถ้ามองแต้มต่อทางการเมืองวันนี้ต้องยอมรับว่า "คณะรักษาความสงบแห่งชาติ" หรือ คสช.และรัฐบาลในมือ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.กำลังถูก"ฝ่ายการเมือง" ช่วงชิงไปแทบทุกประตู! แม้ในเร็ววันนี้รายชื่อของ ครม.ชุดใหม่ "ประยุทธ์ 5" จะปรากฏโฉมหน้าออกมา เพื่อให้รัฐบาลใช้เป็นกลยุทธ์ในการเรียกความเชื่อมั่น และคะแนนนิยมให้เกิดขึ้นตามมา หลังจากที่โดนโจมตีไป ทุกด้าน ไม่เว้นแม้แต่ประเด็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในภายรั้วโรงเรียนเตรียมทหารเนื่องจากมีนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิต รวมทั้งกรณีที่มีนายทหารเรือได้รับบาดเจ็บ ขณะเข้ารับการฝึกในหลักสูตรการรบพิเศษของหน่วยนาวิกโยธินจนทำให้พรรคเพื่อไทย อาศัยจังหวะออกมาเรียกร้องให้กองทัพเร่งแก้ปัญหาการใช้ความรุนแรง ในกองทัพอย่างจริงจัง ลำพังเรื่องราววุ่นๆ ในจังหวะที่บิ๊กตู่ลงมือจัดทำรายชื่อ ปรับ เปลี่ยน โยกย้ายรัฐมนตรี ทั้งเก่าและใหม่ในท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าการปรับครั้งนี้จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นกว่าที่ผ่านมาได้หรือ ไม่ ยังต้องมาเจอกับประเด็นอ่อนไหวที่เกิดขึ้นในกองทัพ จนทำให้ทั้ง "บิ๊กป้อม"พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องออกโรงมาชี้แจงตอบคำถามด้วยตัวเอง เพื่อไม่ให้ภาพลักษณ์ของกองทัพเสียหายไปมากกว่านี้ เรียกว่าจากการซวนเซของรัฐบาลและ คสช. หวิดหลุดจะทำให้พรรคเพื่อไทย "ยิ้มออก" กันได้แล้ว โดยเฉพาะบรรดาแกนนำหน่วยบู๊ของพรรค ทั้ง"วัฒนา เมืองสุข" และ "พิชัย นริพทะพันธุ์" ต่างออกมาเขย่ากันอย่างต่อเนื่องแต่ล่าสุด กลับมีรายการที่ทำให้พรรคเพื่อไทย ต้องอยู่ในสภาพที่ระส่ำอีกรอบเมื่อล่าสุด อัยการสูงสุด (อสส.)มีมติรื้อ 2 คดีของ "ทักษิณ ชินวัตร"อดีตนายกรัฐมนตรี มาปัดฝุ่นกันใหม่ หลังจากที่ พ.ร.ป.วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 (วิอม.) ได้มีการแก้ไขบทบัญญัติให้สามารถดำเนินกระบวนพิจารณาลับหลังโดยไม่มีตัวจำเลยได้ ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว โดยคดีของทักษิณ ที่ได้ยื่นฟ้องต่อศาลไว้แล้วรวม 2 สำนวน คือคดีทุจริตออกกฎหมายแปลงสัมปทานโทรคมนาคมและมือถือเป็นภาษีสรรพสามิต และคดีการปล่อยกู้ ของธนาคารกรุงไทยฯ ให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร โดยก่อนหน้านี้ทั้ง 2 คดีศาลได้สั่งจำหน่ายคดีไว้ชั่วคราวเนื่องจากทักษิณ จำเลยหลบหนี ขั้นตอนจากนี้จะอยู่ที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะมีความเห็นอย่างไร ล่าสุดมีการเคลื่อนไหวจากฝ่ายทีมทนายของทักษิณ ซึ่งจะเตรียมการประชุมเพื่อหาทางรับมือ และต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป แน่นอนว่าการที่เวลานี้ "นายใหญ่"ของพรรคเพื่อไทย กำลังเข้าสู่โหมดคดีความต่อคิวจาก "น้องสาว" อย่าง "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกฯ ที่โดนพิษคดีจำนำข้าวจนต้องเลือกทางหนีออกนอกประเทศ ซึ่งทางการของไทยเองยังไม่สามารถระบุได้ว่า ยิ่งลักษณ์อยู่แห่งหนใด? การที่คดีความเก่าๆ กำลังจะย้อนกลับมา "เล่นงาน" ทักษิณ ในจังหวะที่พรรคเพื่อไทยกำลังพลิกเกมกลับมาเป็น"ฝ่ายรุก" และใกล้ที่จะเข้าสู่การเตรียมการจัดทัพเพื่อรองรับการเลือกตั้ง ดูจะเป็นเรื่องที่ทำให้พรรคเพื่อไทย อาจต้องกลับมาสู่ความระส่ำระสายรอบใหม่เพราะงานนี้ คดีความไม่ได้พุ่งตรง ไปที่"กล่องดวงใจ" ทั้ง ยิ่งลักษณ์ และบุตรชาย "พานทองแท้ ชินวัตร" เท่านั้นอีกต่อไป หากแต่กลับเลือกโจมตี "เป้าใหญ่" หวังตัดทั้งเส้นทางลำเลียงสรรพกำลังในการต่อสู้รอบหน้าอย่างไร ก็อย่างนั้น !