ดร.วิชัย พยัคฆโส
[email protected]
จากนี้ไปเราคงได้เห็นมหาวิทยาลัยก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว ขับเคลื่อนกิจกรรมบางส่วนเพื่อพลิกโฉมประเทศก็ได้ส่วนหนึ่ง ซึ่งต่างต้องมีแผนการดำเนินการร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย
ซึ่งการดำเนินการของมหาวิทยาลัยจะต้องเตรียมการและพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนตัวเอง ดังนี้
1.วิเคราะห์จุดแข็งและจุดที่ต้องการพัฒนาศักยภาพและนำข้อมูลการวิเคราะห์มาตัดสินใจเลือกกลุ่มยุทธศาสตร์ทีสอดคล้องกับจุดแข็งของมหาวิทยาลัย
2.เสนอจุดเน้นของมหาวิทยาลัยที่สอดคล้องกับทิศทางและจุดเน้นของประเทศ
3.การปฏิรูปหรือปรับระบบบริหารในมหาวิทยาลัย โดยจะต้องเสนอแผนการปรับระบบอย่างละเอียดให้เห็นการพลิกโฉมไม่ยึดติดกรอบเดิม
4.เสนอโปรแกรมการดำเนินการที่สอดคล้องกับทิศทางและจุดแข็งของประเทศ โดยใช้จุดแข็งของมหาวิทยาลัยเป็นตัวตั้ง มีการทำงานแบบจตุรภาคี
5.เสนอกลไกในการติดตามและประเมินผลการดำเนินการ
6.เสนอแผนงบประมาณรายปีและ 5 ปี ที่สอดคล้องกับแผนและระบบความเชื่อมโยงกับงบประมาณอื่น
ในขณะเดียวกัน ทาง อว.จะดำเนินการภายในรองรับกับเรื่องนี้โดยเฉพาะ เช่น วิเคราะห์ศักยภาพของมหาวิทยาลัยเข้ากลุ่ม จัดระบบประกันคุณภาพ ปรับมาตรฐานหลักสูตรสนับสนุนระบบนิเวศ อววน. ตามความเชี่ยวชาญ การสนับสนุนเครือข่ายมหาวิทยาลัยในกลุ่มเดียวกันหรือข้ามกลุ่ม การจัดทำโครงการสนับสนุนการพลิกโฉมมหาวิทยาลัยตามมาตรา 45(3) และมาตรการสนับสนุนอื่น
จะเห็นว่า กระทรวง อว. กับมหาวิทยาลัยต่างเตรียมตัวร่วมกันที่จะ Reinventing ตัวเองเข้าสู่ความต้องการของประเทศ โยทำงานควบคู่กันไป นับเป็นตัวอย่างที่ดีต่อการทำงานไปด้วยกัน เป็นพี่เลี้ยงไปสู่ความสำเร็จและเป้าหมาย Reinventing เช่นนี้ เชื่อว่าจะประสบความสำเร็จในเวลาอันควร
การปฏิรูปอุดมศึกษาเริ่มต้นจากจุดนี้เป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะมุ่งเน้นให้มหาวิทยาลัยไปเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปประเทศ แม้ว่าจะเป็นจุดเล็กๆ แต่เป็นจุดสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลง เพราะมหาวิทยาลัยมีอาจารย์และนักวิจัยจำนวนหลายหมื่นคนต้องเริ่มต้นที่จุดนี้
ฝากถึง รมว. ศึกษาธิการ ท่านต้องมั่นใจและจริงใจต่อการที่จะร่วมกันปฏิรูปการศึกษา โดยเฉพาะมองภาพรวมของการศึกษาให้มีคุณภาพทัดเทียมกัน แม้ว่าจะใข้เวลามากสักหน่อย ขอให้มีใจที่จะร่วมกับทุกหน่วยงานปฏิรูปการศึกษาเพื่อประเทศชาติ