ในจังหวะที่ รัฐบาลกำลังเพลี่ยงพล้ำ แม้จะยังไม่ถึงขั้นถูกต้อนให้ติดมุม แต่นี่คือ "โอกาส" ที่ "พรรคเพื่อไทย" ประเมินแล้วว่า นาทีนี้คงต้องเพิ่มจังหวะการรุกเข้าใส่เพื่อไม่ให้ "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม "ผู้นำรัฐบาล" ได้ "ตั้งตัวติด" ! การออกมากำหนดแผนการเล่นของ ฝั่งพรรคเพื่อไทย ล่าสุดผ่าน "ประเสริฐ จันทรรวงทอง" ส.ส. นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยได้ปรึกษาหารือกันแล้วมีความเห็นพ้องว่า จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ในเดือน ส.ค.นี้ และ คาดว่าจะได้อภิปรายก่อนปิดสมัยประชุมในวันที่ 18 ก.ย.นี้ จากนี้ไปจะได้ประสานกับ โดยจะประสานงานกับพรรคการเมืองฝ่ายค้านต่อไป " เนื่องจากเห็นว่า เป็นเรื่องสำคัญคือ ไม่ต้องการปล่อยให้รัฐบาลบริหารประเทศต่อไป เพราะเกรงจะเกิดความเสียหายมากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้พรรคฝ่ายค้านเคยเสนอแนวทางการแก้ปัญหาต่อรัฐบาลไปแล้ว แต่รัฐบาลไม่ได้ดำเนินการจนส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเรื่องโควิด-19 และวัคซีนที่เป็นปัญหาอยู่ในปัจจุบัน" ประเสริฐ ระบุตอนหนึ่งถึงเหตุผลที่ทำให้พรรคเพื่อไทย ต้องตัดสินใจยื่นญัตติเพื่อซักฟอกรัฐบาล การเคลื่อนไหวเพื่อ "เร่งเกม" ของพรรคเพื่อไทย ในยามที่รัฐบาลและพล.อ.ประยุทธ์ ต้องรับมือกับศึกรอบด้าน ในเวลานี้ทั้งวิกฤติไวรัสโควิด-19 จนถึงล่าสุดเหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งใหญ่ที่โรงงานหมิงตี้ เคมีคอล ย่านกิ่งแก้ว เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งแม้จะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด แต่รัฐบาลก็ถูกโจมตีไม่น้อย ยังไม่นับรวมถึงการจับจ้องเฝ้าติดตามการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่ออกมาตรการตุ้นเศรษฐกิจ ไปจนถึงเยียวยา ฟื้นฟู หรือแม้แต่ล่าสุดการผุดโปรเจค "ภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์" ก็ยังพบว่า ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไม่เว้นแต่ละวัน สภาพของรัฐบาลเวลานี้จึงคล้ายกับนักมวยที่ขึ้นชก มาถึงยกที่ 2 เหนื่อยล้าเต็มที ยิ่งเมื่อรัฐบาลถูกถล่มด้วยปัญหาการจัดสรรวัคซีน ซึ่งหลายต่อหลายฝ่ายต่างออกมาเรียกร้อง และกดดันให้รัฐจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพ และเร่งระดมฉีดให้กับ บุคลากรทางการแพทย์ ที่เป็น "นักรบด่านหน้า" ให้ได้มากที่สุด ความน่าสนใจจากการออกแอคชั่นของพรรคเพื่อไทย เวลานี้ดูจะสอดคล้อง เดินไปในทิศทางที่ชัดเจนและมีน้ำหนักเหนือกว่า "พรรคร่วมฝ่ายค้าน" อย่าง "พรรคก้าวไกล" ที่แม้จะยืนประจันหน้ากับรัฐบาลและพล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่สามารถ "เดินเกมการเล่น" ในทางการเมืองได้เด่นชัด แต่สำหรับพรรคเพื่อไทยเอง แน่นอนว่าส่งสัญญาณซักฟอกรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพุ่งเป้าไปที่พล.อ.ประยุทธ์ และคาดว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจ น่าจะมีขึ้นในราวเดือนก.ย. ก่อนปิดสมัยประชุมนั้น ย่อมไม่ใช่การวางหมากเพื่อ "ถล่ม" กันในเวทีสภาฯเท่านั้น หากแต่สิ่งที่พรรคเพื่อไทย กำลังประเมินสถานการณ์คือเอฟเฟกซ์หลังจากเสร็จศึกในสภาฯ นั่นคือการขยายแผลให้สังคมได้เห็นถึงความล้มเหลวของ พล.อ.ประยุทธ์ จากนั้นจะไปสู่การเสนอ "ตัวเลือกใหม่" ที่น่าสนใจและไฉไลกว่า นายกฯคนเดิม เพราะอย่าลืมว่าประเด็นที่พรรคฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลกำลังวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก นอกเหนือไปจากความล้มเหลว ของพล.อ.ประยุทธ์ และครม.แล้ว ยังส่งสัญญาณว่ามี "คนที่พร้อม" จะเข้ามาทำหน้าที่ "นายกฯคนใหม่" อีกด้วยต่างหาก ! น่าสนใจว่าเกมนี้จะเดินหน้าไปได้ยาวนานแค่ไหน จะยืนระยะได้มากพอที่จะหล่อเลี้ยงกระแสไปจนถึงวัน เปิดชื่อ "แคนดิเดตนายกฯ" ได้จริงหรือไม่ ?