ในระหว่างทางเดินไปข้างหน้า ก็ใช่ว่าจะราบรื่น เจออุปสรรคขวากหนามไม่เว้นแต่ละวัน เมื่อตราบใดที่ "สงครามโควิด" ยังไม่จบ แม้เหนื่อยล้า แต่ก็ยังไม่ใช่เวลา "พักหายใจ" สำหรับ "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะ "ผู้อำนวยการศบค." ! ปัญหาการบริหารจัดการวัคซีน กลายเป็น เรื่องร้อนที่ทำให้รัฐบาลอยู่ในสภาพที่เรียกว่า "นั่งไม่ติด" เมื่อวัคซีนยังไม่พร้อม แต่มีประชาชนจำนวนมากที่ต้องการฉีดวัคซีน อีกทั้งล่าสุดยังเกิดประเด็นร้อนขึ้นมาใหม่ เมื่อมีเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งจัดหาวัคซีนที่สามารถรับมือกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ อย่างสายพันธุ์เดลต้า จนไปถึงการกดดันให้รัฐจัดหาวัคซีนไฟเซอร์มาเร่งฉีดให้กับบุคลากรการแพทย์ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ในระบบสาธารณสุข เพราะเป็น "นักรบด่านหน้า" เมื่อปัญหาทั้งการบริหารจัดการกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังเกิดอุปสรรคระหว่างทาง แต่พบว่ายิ่งนานวัน ยิ่งยืดเยื้อ ก็ยิ่งเพิ่มความขัดแย้งให้ขยายบานปลายออกไปมากขึ้นทุกที ไม่เพียงแต่ "ฝ่ายค้าน" ที่ดาหน้ารุมถล่มรัฐบาลเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นว่า ผู้คนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการออกมาตรการต่างๆ เพื่อควบคุม จำกัดการเคลื่อนย้ายของประชาชน และการออกคำสั่งให้หลายกิจการ ต้องอยู่ในกรอบล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบต่อปัญหาปากท้องด้วยกันทั้งสิ้น ขณะที่ปัญหาจากการบริหารจัดการงานในมือของพล.อ.ประยุทธ์ กำลังเข้าสู่โหมดเข้มข้น เขม็งเกลียว ก็ยังกลายเป็นว่า "คลื่นลม" ทางการเมือง ยิ่งโถมเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง ! การออกมาเคลื่อนไหวของสารพัดม็อบ ที่พากันปลุกเร้าให้ผู้คนออกมาร่วมกันขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังอาจน่าสนใจน้อยกว่า เมื่อล่าสุดเกิดความเคลื่อนไหว เรียกร้องให้ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯ กลับไทยเพื่อมาแก้ไขปัญหาสารพัด สารพัน บนความเชื่อของ "กองเชียร์" ว่าทักษิณ น่าจะทำได้ดีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ อย่างไรก็ดี สิ่งเหล่านั้นอาจเป็นเพียงมิติจากฝ่ายกองเชียร์ที่สนับสนุน อดีตนายกฯทักษิณ แต่สำหรับรัฐบาล โดยเฉพาะ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และในฐานะผู้จัดการรัฐบาลตัวจริงเสียงจริง กำลังเลือกที่จะเดินหน้าในมิติทางการเมืองที่จะสร้างความมั่นใจได้ว่าถึงอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ และพรรคพลังประชารัฐ จะได้รับโอกาสรีเทิร์นกลับมาเป็นสมัยที่สามแน่นอน แม้พรรคเพื่อไทยและกองเชียร์จะพากันร่ำร้องให้อดีตนายกฯทักษิณ กลับประเทศไทยเพื่อมาช่วยบริหารบ้านเมืองในยามคับขัน จะดังแค่ไหน แต่ทุกคนรู้ดีว่า ที่สุดแล้วตัวทักษิณ เองก็กลับไม่ได้ เพราะตัวเองเป็นฝ่ายหลบหนีคดี หากจะกลับมาก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม มิหนำซ้ำยังต้องไม่ลืมว่า วันนี้สังเวียนการเมืองใช่ว่าจะมีแต่ ผู้เล่นหน้าเดิมอีกต่อไป ในเมื่อ "คนรุ่นใหม่" อย่างพรรคก้าวไกลเอง จะยินยอม "เปิดทาง" ให้อีกฝ่ายมา "ชุบมือเปิบ" ไปต่อหน้าต่อตาอย่างนั้นหรือ ? ขณะเดียวกันยังน่าสนใจว่า ในท่ามกลางเสียงเรียกร้องถามหา ทักษิณ ปรากฎว่า มีกระแสที่สะพัดมาก่อนหน้านี้ อย่างต่อเนื่องว่า อย่ากระพริบตาว่า สูตรการเมืองที่อาจสร้างความฮือฮา คือการจับมือร่วมกันระหว่าง "พรรคเพื่อไทย" กับ "พรรคพลังประชารัฐ" ใช่ว่าจะไม่เกิดขึ้น ความเขม็งเกลียวในการต่อสู้ทางการเมือง ยังดำเนินต่อไปโดยที่ต่างฝ่าย ต่างเดินหน้าฟาดฟัน กันด้วยทุกกลยุทธ์ทั้งใต้ดิน บนดิน ให้พัลวันไปหมด อย่างที่เห็น !