คิกออฟกันไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับนโยบายภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เมื่อวันที่ 1 ก.ค.64 ที่ผ่านมา โดยงานนี้ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยกคณะบินลงไปที่จ.ภูเก็ตตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อติดตามงานด้วยตัวเอง " ยินดีที่ได้มาพบกันวันนี้ เป็นวันที่รอคอย ดังนั้น เมื่อวันนี้เริ่มต้น ทุกคนต้องช่วยกันประคับประคองไปให้ได้ อยู่ที่คนทุกคน ขอบคุณทุกคน เจ้าหน้าที่ก็ต้องเหน็ดเหนื่อยเสียสละ ขอบคุณทุกคน ทั้งแพทย์พยาบาล อสม. You get what you do ทำดีก็ได้ดี" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งกับข้าราชการ ประชาชน และภาคเอกชนที่มารอต้อนรับ เมื่อเดินทางถึงสนามบินภูเก็ต จ.ภูเก็ต เพื่อเตรียมเปิดโครงการ "ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์"ที่ผ่านมา การเปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เปิดจังหวัดภูเก็ต เพื่อนำร่องการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามามท่องเที่ยวในไทยโดยไม่ต้องกักตัว 14 วันครั้งนี้ แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ประกอบกับหลายฝ่ายเกิดความกังวลเพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยยังไม่อยู่ในจุดที่วางใจได้ อีกทั้งการะดมฉีดวัคซีนให้กับประชากรทั่วประเทศ ยังเกิดปัญหา วัคซีนไม่พอ มีการเลื่อนคิวนัดออกไป แต่ถึงกระนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ได้ยืนยันทั้งต่อสื่อมวลชนและในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก่อนหน้านี้ว่า จะไม่เลื่อน แม้จะต้องมีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่รัฐบาลจำเป็นที่จะต้องบริหารทั้ง "การแพทย์" กับ "เศรษฐกิจ" ให้เกิดความสมดุล เดินไปด้วยกันให้ได้ ทั้งนี้การฟื้นธุรกิจด้านการท่องเที่ยว เพื่อดึงรายได้เข้าประเทศ คือแนวทางที่มีความสำคัญและจำเป็นไม่น้อย ประกอบกับก่อนหน้านี้ "สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์" รองนายกฯและรมว.พลังงาน ที่ลงมาตรวจความพร้อมไปแล้วเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ได้รายงานต่อที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ว่ามีความพร้อม และได้มีการฉีดวัคซีนให้กับประชากรในภูเก็ตไปแล้วกว่า 50-70 % จะเห็นได้ว่า เวลานี้รัฐบาลและโดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ เองเทน้ำหนักไปที่ "ศึกใหญ่" นั่นคือการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปพร้อมๆกับการพลิกฟื้นสถานการณ์เศรษฐกิจให้กลับคืนมาอยู่ใน "แดนบวก" โดยไว เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว "แรงกดดัน" ที่จะมาจากปัญหาปากท้องของผู้คนจะทวีความรุนแรงมากกว่าที่กำลังเป็นอยู่ เมื่อล่าสุดภายหลังจากที่ ศบค.ประกาศออกมาตรการคุมเข้มกิจการ และปิดแคมป์คนงานเป็นเวลา 1เดือน ทำให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร ธุรกิจกลางคืน ที่ได้รับผลกระทบต่างออกมาเคลื่อนไหว จนบางกลุ่มถึงขั้นประกาศท้าทายรัฐบาลด้วยการ "อารยขัดขืน" พร้อมที่จะฝ่าฝืนด้วยการเตรียมรวมตัวกันเปิดธุรกิจ เปิดร้าน แรงกดดันที่มาจากความเดือดร้อน ความทุกข์ยากของผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 กำลังเดินคู่ขนานไปกับอุปสรรคการบริหารจัดหาวัคซีนให้กับประชาชน เพื่อเร่งระดมฉีดสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และหากรัฐบาลยังไม่อาจคลี่คลายปัญหาดังกล่าวลงได้ อย่างรวดเร็ว ที่สุดแล้ว "จุดอ่อน" เหล่านี้จะกลายเป็น "ช่องโหว่" ที่ "ฝั่งตรงข้าม" หยิบฉวยแปรเปลี่ยนมาเป็น โอกาสทองใช้ถล่มรัฐบาลจนอ่วม ลากยาวไปพร้อมๆกับภาวะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดที่เป็นสงครามไวรัสอันยืดเยื้อ !