เรียกว่า "ขยับ" ตรงไหน จะทำอะไรก็ดูจะไม่เป็นที่ถูกใจของประชาชนไปเสียแทบทั้งหมด เสียงวิพากษ์วิจารณ์เพิ่มระดับความแรง ไปจนถึงขั้นใช้คำหยาบคาย กระแทกเข้าใส่ "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะ ผู้อำนวยการศบค. บัญชาการรบกับ ข้าศึกที่ชื่อ "โควิด-19" มายาวนานกว่า 1ขวบปี
เมื่อเสียงตำหนิติติง เพิ่มระดับความแรงไปจนถึงก่นด่า เสียดสี ขับไล่ จึงไม่แปลกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะออกมาระบุว่า รู้สึกเสียใจ
"เวลานี้บ้านเมืองต้องเป็นอย่างนี้ ผมไม่รังเกียจใครเลย เพราะผมถือว่าทุกคนเป็นคนไทย หลายๆ อย่างผมก็เสียใจอยู่เหมือนกัน ที่หลายๆคนก็ใช้วาจากิริยาไม่สุภาพควรหรือไม่ประเทศไทยในวันนี้ ผมก็ไม่อยากจะพูดหรอก แต่ผมก็อดทนอยู่แล้ว"
บางส่วนบางตอนจากการให้สัมภาษณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากโควิด-19 (ศบศ.) ร่วมกับรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.64ที่ผ่านมา
แน่นอนว่า สำหรับฝั่งตรงข้ามแล้ว นี่คือ "นาทีทอง" ที่จะไล่ถล่ม รัวหมัดเข้าใส่พล.อ.ประยุทธ์ เพราะนักมวยคนนี้ยืนชกมาแล้วหลายยก ประกอบกับเหนื่อยล้าเต็มที มิหนำซ้ำยังไม่มีบอกใครได้ ศึกโควิด-19 จะจบลงเมื่อใด
เมื่อรัฐบาล ซวนเซ ยิ่งบริหาร ก็ยิ่งผิด ยิ่งเดินหน้าก็ยิ่งพลาด จึงมีแต่จังหวะนี้ที่จะฉวยสร้างกระแส สร้างความแตกต่าง เพื่อให้เกิดการเปรียบเทียบ ชัดเจนยิ่งขึ้น
ตามกำหนดนัดหมาย วันนี้ อังคารที่ 29 มิ.ย. " ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯ ที่พักหลังๆสวมบทกูรู รู้ทุกเรื่อง ในนาม โทนี วู๊ดซัม ให้ข้อคิด วิเคราะห์ เสนอแนะ ผ่าน CARE ClubHouse x CARE Talk ในหัวข้อที่ดูจะจงใจ สอนมวยรัฐบาล ที่ว่า "?พังพินาศกันไปใหญ่ เจ็บได้แต่ไม่จบ ล็อกดาวน์ไปทำไม ถ้าไม่ตรวจเชิงรุก?" ซึ่งสอดคล้องกับการที่ศบค.เพิ่งประกาศมาตรการคุมเข้มในกิจการ ตลอดจนการปิดแคมป์งานก่อสร้าง เมื่อเวลาตี1 ของวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา จนทำให้รัฐบาล ถูกโจมตีจนอ่วมอรทัย
อย่างไรก็ดี การสวมบทกูรูรู้ทุกเรื่องของทักษิณ ที่เลือกไทม์มิ่ง พอดิบพอดีกับที่พล.อ.ประยุทธ์ บอบช้ำจากการถูกวิจารณ์ ทั้งวาจาและท่าทีที่รุนแรงครั้งนี้ แท้จริงแล้ว สิ่งที่ทักษิณต้องการ ย่อมไม่ใช่แค่เพียงการแสดงให้เห็นถึง "ความเหนือชั้น" ระดับอดีตนายกฯ ของตนเองเท่านั้น
แต่ในทางการเมือง ที่น่าจับตาว่า การออกแอคชั่นของทักษิณ เจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริงนั้น ย่อมมีความหมายทั้งทางตรงและทางอ้อม ต่อท่วงทีทางการเมืองไม่น้อย ! หลายคนต่างรู้ดีว่า แม้จะมีเสียงขับไล่ให้พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก แล้วให้มีการนายกฯคนใหม่ หรือให้มีการเลือกตั้งใหม่ แต่นักการเมืองแทบทุกพรรคต่างไม่มีใคร "พร้อมลงสนาม" ด้วยกันทั้งสิ้น
อีกทั้งในกรณีของ พรรคเพื่อไทย ต้องนับว่าน่าสนใจ ไม่น้อย เพราะแม้จะเป็นพรรคใหญ่ ก็กลับไม่ใช่ "คนกำหนดเกม" ว่าเมื่อใด จะเลือกตั้ง เมื่อใดจะยุบสภาฯ เพราะสถานะของเพื่อไทยคือแกนนำพรรคฝ่ายค้านในสภาฯเท่านั้น !
มิหนำซ้ำยังต้องไม่ลืมว่า ตลอดห้วงเวลานับ 7 ปีที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยเองที่อยู่ในสภาพฝ่ายค้านย่อมยากที่จะมีโอกาส "ทำผลงาน" เพื่อนำไปใช้หาเสียงในการเลือกตั้ง สิ่งที่ทำได้คือการ "กินบุญเก่า" เกาะกระแสจาก "ทักษิณฟีเวอร์" ซึ่งนับวันก็จะมีแต่ ซาลง
ด้วยเหตุนี้ ลึกๆแล้ว ทั้งทักษิณ และแกนนำในพรรคเพื่อไทยเองต่างรู้ดีว่า เมื่อใดที่ "สัญญาณยุบสภาฯ" แรงชัด เมื่อนั้น พรรคเพื่อไทย จะอยู่ในสภาพ "ผึ้งแตกรัง" ทันที ! ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย มีจำนวนไม่น้อยที่พร้อมจะ "สละเรือ" หาพรรคใหม่สังกัดเพื่อต่อชะตาทางการเมืองของตัวเองกันให้จ้าละหวั่น และมีไม่น้อยที่ "เปิดดีล" กับพรรคร่วมรัฐบาลเวลานี้เอากันเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
เมื่อสภาพภายในพรรคเพื่อไทย ไม่ได้แข็งแกร่งและยังหลงเหลือเพียง "กระแสทักษิณ" เท่านั้นที่พอจะเป็น "ความหวัง" และ "จุดขาย" ขณะที่ทักษิณ เองก็รู้ดีว่า ที่ต้องแอคชั่น พาตัวเองให้เกาะเกี่ยวกับ "กระแส" ผ่านโลกโวเชียล เป็นระยะๆแม้จะไม่ต่อเนื่องนั้น แท้จริงแล้วนี่คือการ ส่งสัญญาณให้เห็นว่า วันนี้ "นายใหญ่" ยังไม่ได้ไปไหน หรือคิดว่าจะ "วางมือ" ทางการเมืองแต่อย่างใด
แต่จะให้ "นายใหญ่" ต้องดูแลบริวาร ด้วยการส่งเสียเสบียง ดูแลทุนรอน โดยที่การเลือกตั้งยังไม่มาถึง คงเป็นการ "ลงทุน" ที่ "ไม่คุ้มเสีย" ดังนั้นจึงอย่าได้แปลกใจถ้าจะได้ยินคนในพรรคเพื่อไทย แอบบ่นว่า "นายใหญ่" มีแต่ "กระแส" ไม่มี "กระสุนดินดำ" ให้ติดมือติดไม้ !