แสงไทย เค้าภูไทย โรคไตเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนไทยด้วยตัวเลขที่นับวันแต่จะเพิ่มขึ้นมาอย่างน่ากังวล เพราะ ไล่หลัง โรคหัวใจ มะเร็ง ใกล้เข้ามาทุกที โรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ เป็นหนึ่งในหลายๆงานด้านสาธารณสุขที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดลุยเดช ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ต่อพสกนิกรของพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ทรงมีพระสายโลหิตด้านการแพทย์มาจากนายแพทย์พระบรมราชชนก สมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดชและพระราชชนนีซึ่งทรงเป็นนักเรียนการพยาบาล สมเด็จพระราชบิดา ทรงมีคุณูปการแก่กิจการแพทย์แผนปัจจุบันและการสาธารณสุขของประเทศไทยเป็นเอนกอนันต์จนทำให้ปวงชนชาวไทยถวายพระราชสมยานามว่า “พระราชบิดาแห่งการแพทย์ไทย” เป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่ทรงจากไปด้วยพระชนมายุเพียง 37 พรรษา 8 เดือน 23 วันด้วยโรคฝีบิด(มะเร็ง)ในพระยกนะ(ตับ)โดยมีโรคแทรกซ้อนคือพระปัปผาสะ(ปอด)บวม ส่วนพระบรมราชนนี ทรงประชวรด้วยโรคพระวักกะ(ไต)อักเสบจนต้องฟอกไตอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะครั้งหลังสุดมีพระอาการพระวักกะกำเริบจนถึงพิการ ไตไม่ทำงานเป็นโรคนำ โรคพระยกนัง(ตับ)และพระหทัยทำงานไม่ปกติเป็นโรคแทรก นำไปสู่การเสด็จสวรรคตด้วยพระชนมายุ 94 พรรษา ด้วยความตระหนักถึงภัยจากโรคไตฉะนี้ นำไปสู่การก่อตั้งโรงพยาบาลรักษาโรคไตโดยเฉพาะ เพื่อเป็นโรงพยาบาลต้นแบบคือโรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ โรงพยาบาลแห่งนี้ มีความผูกพันกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เป็นอย่างยิ่ง เหตุด้วยพระนามของพระองค์เป็นส่วนหนึ่งของชื่อโรงพยาบาล โรงพยาบาลแห่งนี้ตั้งขึ้นเนื่องในโอกาสอันเป็นมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี พ.ศ. 2549 โดยครอบครัวสิริวัฒนภักดี ในนามมูลนิธิสิริวัฒนภักดี ใช้งบประมาณก่อสร้าง 600 ล้านบาท โดยทูลเกล้าฯถวายเงิน 1,500 ล้านบาทเป็นทุนเบื้องต้น ในการนี้ได้ขอพระราชทานชื่อโรงพยาบาลจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานนาม ชื่อสถาบันโรคไต ด้วยการนำพระนามของพระองค์และพระนามของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์มาสนธิกันเป็นชื่อสถาบันว่า “ภูมิราชนครินทร์” สถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ มีสถานะเป็นมูลนิธิ อันมีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นองค์ประธานกรรมการ มูลนิธิสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ เป็นผู้บริหารโรงพยาบาลโดยมีมูลนิธิสิริวัฒนภักดี สนับสนุนด้านเงินทุนเบื้องต้น มูลนิธิสิริวัฒนภักดี เป็นของครอบครัวสิริวัฒนภักดี อันมีนายเจริญ สิริวัฒนภักดีป็นประธาน คุณหญิงวรรณาและนายฐาปน สิริวัฒนภักดีเป็นรองประธาน เมื่อสร้างโรงพยาบาลแล้ว ยังขาดแคลนบุคลากรที่ชำนาญเฉพาะทางด้านโรคไตอันเป็นจุดอ่อนของการรักษาโรคไตของการสาธารณสุขไทยอีกมาก มูลนิธิสิริวัฒนภักดี จึงสนับสนุนการศึกษาวิจัยและผลิตบุคลากรด้านโรคไตอีกเดือนละ 10 ล้านบาท ช่วงระยะเวลาหนึ่ง จนบัดนี้มีแพทย์และบุคคลากรเชี่ยวชายด้านโรคไตประจำโรงพยาบาลแห่งนี้โดยสมบูรณ์ โรงพยาบาลสถาบันไตภูมิราชนครินทร์ ช่วยลดค่าฟอกไตลงได้มาก โดยบุคคลภายนอกมีค่ารักษาอยู่ระดับระหว่างค่าในโรงพยาบาลรัฐบาลกับค่ารักษาในโรงพยาบาลเอกชน ส่วนข้าราชการและบุคลากรรัฐวิสาหกิจ ได้รับสวัสดิการรักษาฟรี โดยโรงพยาบาลจะเบิกค่ารักษาจากกรมบัญชีกลางโดยตรง ขณะนี้ โรงพยาบาลมีฐานะทางการเงินที่พอจะเลี้ยงตัวเองได้ ไม่เป็นภาระพึ่งพาค่าใช้จ่ายจากมูลนิธิสิริวัฒนภักดี เพิ่มขึ้น แต่เพราะจำนวนคนไข้ที่เพิ่มขึ้นไม่หยุด ทำให้โรงพยาบาล ต้องขยายจำนวนเตียงฟอกไต โดยเตรียมเพิ่มอีก 10-20 เตียง จากที่มีอยู่ในขณะนี้ 64 เตียง นอกจากโรคไตแล้ว ยังมีโรคร้ายแรงที่คร่าชีวิตคนไทยอื่นๆที่โรงพยาบาลแห่งนี้เปิดการรักษาด้วย เช่นโรคมะเร็ง เป็นต้น โดยมีทีมแพทย์จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ มาดูแล และในอนาคต การแพทย์แผนไทย จะมีส่วนร่วมในกระบวนการรักษาโรคไตด้วย ทั้งนี้ ศ.เกียรติคุณนพ.ธีรชัย ฉันทโรจน์ศิริ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล กำลังศึกษา การนำการนวดแผนไทยเข้ามาเสริมการรักษาโรคไตด้วย เหตุจากผู้ป่วยโรคไตจะมีอาการปวด บวมที่ฝ่าเท้าและมีอาการปวดเมื่อยลามมาที่ขาแทรกด้วย การนวดเท้าและขาเสริมการฟอกไต จะมีส่วนให้ผู้ป่วยมีความรู้สึกผ่อนคลาย เหตุจากกล้ามเนื้อส่วนล่างส่วนนี้ลดอาการหดเกร็ง โรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ นับเป็นส่วนหนึ่งในพระคุณูปการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศที่ทรงมีต่อการแพทย์ไทย ยังมีอีกนับร้อยโครงการที่เป็นพระมหากรุณาธิคุณกระจายไปทั่วประเทศ ช่วยให้พสกนิกรของพระองค์รอดชีวิตจากโรคร้ายแรงนับเป็นล้านๆคน และยังทำให้คนไทยมีสุขภาพดี มีคุณภาพชีวิตที่ดี คุณภาพชีวิตของประชากร คือคุณภาพของประชาชาติทั้งมวล