ยิ่งไม่มีความชัดเจน ไม่มีคำตอบมากเท่าใด ยิ่งเป็นเหมือนอาวุธ ที่จะทำให้ฝ่ายตรงข้าม ทั้งที่ปรากฎตัวอยู่ซึ่งหน้าไปจนถึงที่ยังหลบเร้น ไม่แสดงตนออกมา อาจตกอยู่ในความหวั่นไหว ไม่น้อย ครั้นจะก้าวไปข้างหน้า ยังต้องชะงักเท้า แต่คิดจะถอยหลัง ยังต้องมองให้ถ้วนถี่ ! "เป็นเหตุการณ์ข้างหน้า อย่าไปประมาณการณ์ เพราะเราไม่รู้อะไรเป็นอะไร" " ไม่รู้ ยังไม่รู้ เป็นเรื่องอนาคต ตอบได้ว่าไม่รู้จริงๆ ยังไม่คิดอะไรทั้งนั้น" นี่คือคำตอบจาก "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี , หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และในฐานะ "ผู้จัดการรัฐบาล" ตอบคำถามสื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.64 ที่ผ่านมา เมื่อถูกซักถามถึง "ข่าวลือ" ว่า พรรคพลังประชารัฐ คิดอ่านที่จะไปจับมือกับ "พรรคเพื่อไทย" เพื่อร่วมกันตั้งรัฐบาล หลังการเลือกตั้ง ครั้งหน้า จะเห็นได้ว่า รูปแบบการตอบคำถามของพล.อ.ประวิตร ครั้งนี้ก็แทบจะไม่มีความแตกต่างไปจากครั้งใดๆที่ผ่านมา เมื่อถูกถามเรื่องของการเมือง จึงดูเหมือนว่า สื่อแทบไม่ได้ "คำตอบ" ที่ชี้ชัดได้ว่า แท้จริงแล้ว เรื่องการจับมือกันระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคเพื่อไทย ทั้งที่ต่างฝ่ายต่างเป็นพรรคที่ ยืนประจันหน้ากันคนละขั้ว เมื่อพรรคพลังประชารัฐ คือพรรคแกนนำรัฐบาล ชู "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ส่วนพรรคเพื่อไทย คือพรรคแกนนำฝ่ายค้าน ประกาศจุดยืนชัดเจนมาโดยตลอดว่าไม่เอาผู้นำที่มาจากการรัฐประหาร และอย่าลืมว่า พล.อ.ประยุทธ์ คือหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ยึดอำนาจจาก รัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกฯ และน้องสาวของ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯ ที่ถูกคณะทหารยึดอำนาจในปี 2549 มาแล้วเช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่าลืมว่า การเมืองย่อมมีธรรมชาติและลักษณะเฉพาะที่ยากต่อการคาดเดา หรือแม้แต่คิดที่จะตั้งหน้าตั้งตาเป็น "ศัตรู" กันไปตลอด ชนิดที่เรียกว่า "ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ" แต่อย่างใด ก็อย่างที่พล.อ.ประวิตร บอกกับสื่อว่า " เป็นเรื่องของอนาคต ใครจะไปรู้" แต่ในอีกมุมหนึ่งอย่าลืมว่า พรรคพลังประชารัฐเอง ก็ "วางเกมยาว" ไปถึงหลังการเลือกตั้งกันเรียบร้อยแล้ว และจากนี้ไปจะต้องเดินหน้าคู่ขนานกันไปทั้งสองขา นั่นคือ บิ๊กป้อม เดินหน้าในเกมการเมือง ส่วน บิ๊กตู่ จะต้องทำให้รัฐบาลข้ามผ่านทุกวิกฤตไปให้ได้ ทั้งโควิด -19 และเศรษฐกิจ การพลิกเกม ขึ้นมากุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จของ พล.อ.ประวิตร ในพรรคพลังประชารัฐ โดยมี "ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า" รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคคนใหม่ จะทำหน้าที่บริหารจัดการทั้งเรื่องในพรรค ไปจนถึงการสร้างคอนเนคชั่น "ข้ามพรรค" และย่อมหมายรวมไปถึงพรรคเพื่อไทย อย่าลืมว่า สูตรตั้งรัฐบาล นั้นใช่ว่าจะไม่เคยมีข่าวว่า พล.อ.ประวิตร ต้องการ "ขจัด" ปัญหาแรงกดกดัน การต่อรองอำนาจจาก "พรรคร่วมรัฐบาล" ด้วยการ ส่งเทียบเชิญพรรคเพื่อไทยมาแล้ว จากนั้นข่าวลือก็หายไปกับสายลม อย่างไรก็ดี เมื่อภายในพรรคพลังประชารัฐ เริ่มขยับ มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพรรคเพื่อเตรียมรับศึกเลือกตั้งรอบหน้า แม้พล.อ.ประวิตร จะบอกกับสื่อว่ายังมีเวลาอีก 2ปีกว่ารัฐบาลจะครบเทอมก็ตาม แต่อย่าลืมว่าภายในพรรคพลังประชารัฐเองใช่จะไม่มีแรงกระเพื่อมใด ๆเมื่อ "กลุ่มสามมิตร" ของ "สมศักดิ์ เทพสุทิน" รมว.ยุติธรรม ถูกตัดแขน ตัดขา โดนริบอำนาจ เปลี่ยนไปอยู่ในมือ กลุ่มของร.อ.ธรรมนัส แทน ดังนั้นโอกาสที่กลุ่มสามมิตร จะไม่ตอบโต้ หรือขยับ ไปแตะขั้วกับการเมืองฝั่งตรงข้ามจะไม่เกิดขึ้น เพราะอย่าลืมว่า แท้จริงแล้ว "ประตูการเมือง" ย่อมไม่เคย "ปิดตาย" อย่างจริงจัง การเปลี่ยนขั้ว สลับข้าง เกิดขึ้นให้เห็นมาแล้ว !