เมื่ออยู่ในความสงบ อยู่ในที่ตั้ง แล้วเกมยังไม่ขยับ จึงไม่ต้องแปลกใจที่สารพัดม็อบ ทั้งจาก "คนกันเอง" ไปจนถึงอริเก่า อย่างกลุ่มม็อบราษฎร ที่มองเห็น ช่องทางและโอกาสทองออกมาเคลื่อนไหวขับไล่ "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ลุกจากเก้าอี้ "นายกรัฐมนตรี" เสียที ! ตามปฏิทินการเคลื่อนไหวของม็อบในรอบสัปดาห์นี้ ปักหมุดกันไว้ที่ 24 มิ.ย. น่าจะเป็นฤกษ์งามยามดี สอดคล้องกับวันเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญของไทย คือวันที่ 24 มิ.ย.2475 โดยกลุ่มที่ 1 หมู่บ้านทะลุฟ้า นำโดย ชาติชาย ไพลินนัดหมายรวมตัวที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ถนนราชดำเนินเพื่อจัดกิจกรรมรำลึก 89 ปี อภิวัฒน์สยาม 2475 เริ่มเวลา 13.00 น. กลุ่มที่ 2 ประชาชนคนไทย นำโดย นิติธร ล้ำเหลือ นัดหมายหน้าทำเนียบรัฐบาล วัตถุประสงค์เพื่อกดดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกนัดหมายเวลา 12.00 น. กลุ่มที่ 3 เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี นำโดย เจษฎา ศรีปลั่ง ปักหลักที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน เวลา 11.00 น. กลุ่มที่ 4 คนไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดย จตุพร พรมพันธุ์ นัดหมายที่หน้าทำเนียบฯ และกลุ่มที่ 5 แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นำโดย "เพนกวิน" พริษฐ์ ชิวารักษ์ ยังไม่กำหนดสถานที่ ม็อบประกาศรวมพลบุกทำเนียบฯ เพื่อกดดันให้พล.อ.ประยุทธ์ ลุกจากเก้าอี้รอบนี้นับว่าน่าสนใจไม่น้อย เพราะจากเดิมที่เคยมีม็อบราษฎรและ แนวร่วม ออกมากดดันรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็กลับทำอะไรไม่ได้ "ทุกข้อเรียกร้อง" ล้มเหลวทุกประตู ทั้งการขับไล่นายกฯ การปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ล้วนแล้วแต่ร่วงลงไปไม่เป็นท่า มิหนำซ้ำ "แกนนำเยาวชน" ยังถูกแจ้งความดำเนินคดีกันถ้วนหน้า แต่ทว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อกดดันพล.อ.ประยุทธ์รอบนี้ กลับมีแกนนำระดับ "มืออาชีพ" รุ่นใหญ่ ทั้งจตุพร แกนนำคนเสื้อแดง และแกนนำจากม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) อย่างทนายนกเขา มาร่วมออกหน้าร่วมด้วย แต่ตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าการเคลื่อนไหวของแกนนำรุ่นใหญ่ทั้งทนายนกเขา และจตุพร จะยังไม่สามารถสร้างน้ำหนัก ได้หนักหน่วงมากพอที่จะเขย่าเก้าอี้ นายกฯ ลงได้ก็ตาม แต่เมื่ออาศัยจังหวะเปิดเกมบุกร่วมด้วยช่วยกันกับม็อบราษฎร ที่ใช้รูปแบบการชุมนุมในลักษณะดาวกระจาย แต่มุ่งหน้าไปยังตัวพล.อ.ประยุทธ์ เป็นหลัก ในคราวเดียวกัน อย่างน้อยที่สุด แม้ทั้งพล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลทั้งคณะจะยังนั่งบริหารได้ต่อไป แต่ใช่ว่าจะไม่ต้องวิตกกังวลถึงหนทางข้างหน้านั้นจะราบรื่น ไปได้ตลอดรอดฝั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องไม่ลืมว่าการ เคลื่อนไหวของ "ครึ่งเทอมหลัง" ของรัฐบาลที่ยังไม่สามารถ คลี่คลายวิกฤตโควิด-19 ให้ลุล่วงไปได้ เช่นเดียวกับเกมการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่อาจถูก "ขวางทาง" จนทำให้พรรคพลังประชารัฐ มีอันต้องสะดุด กว่าจะไปถึงการได้เป็นพรรคอันดับหนึ่ง !