18 มิถุนายนนี้ไฮไลต์ทางการเมือง จะถูกโฟกัสไปที่ความเคลื่อนไหวในการประชุมใหญ่สามัญพรรคพลังประชารัฐประจำปี 1/2564 จัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น ว่าที่สุดแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลง ชนิดที่เรียกว่า "บิ๊กเซอร์ไพรส์" ตามที่ถูกคาดการกันมาก่อนหน้านี้หรือไม่ !
วาระในการประชุมใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐ ครั้งนี้แน่นอนว่าย่อมไม่ได้อยู่ที่ วาระรายงานการดําเนินกิจการของพรรคในรอบปี 2563 งบการเงินของพรรค และเรื่องอื่นๆ หากแต่จะอยู่ที่การเสนอปรับโครงสร้างคณะกรรมการบริหาร(กก.บห.) พรรคชุดใหม่ โดยเฉพาะตำแหน่ง "เลขาธิการพรรค" นั้นถึงคราวที่มีการเปลี่ยนตัวผู้เล่นกันได้แล้วหรือไม่ ?
ในความเป็นจริงแล้ว ปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐนั้นต้องถือว่าคุกรุ่น ไม่ใช่น้อย ทั้งด้วยเหตุที่เป็นพรรคการเมืองใหญ่ และอยู่ใกล้ "ศูนย์อำนาจ" อย่าง "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค อีกทั้งยังเป็น "ผู้จัดการรัฐบาล" ทำให้กลุ่มก๊วนในพรรค พยายามเปิดศึกเพื่อช่วงชิงที่จะได้รับ ความไว้วางใจจาก บิ๊กป้อม ให้ทำหน้าที่บริหารจัดการงานภายในพรรคแล้ว ยังถือเป็นการยืนยันถึง "บารมี" ว่าใครคือผู้ที่เหมาะสม
ระหว่าง "เสี่ยแฮ้งค์" อนุชา นาคาศัย เลขาฯพรรคคนปัจจุบัน ตัวแทนจาก "กลุ่มสามมิตร" แก๊งค์ "4ว." ประกอบด้วย รัฐมนตรีระดับ "ว่าการฯ" ทั้งหมด คือสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม , สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เจ้านายสายตรงของอนุชา และ "เสี่ยเฮ้ง" สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน
โดยกลุ่ม 4 ว. ต้องการรักษาเก้าอี้เลขาฯพรรคเอาไว้ให้ได้ แม้จะถูกกดดันจาก "ขั้วตรงข้าม" อย่าง "กลุ่ม 4ช." มาตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่แล้วบรรยากาศก็เริ่มคลี่คลายเมื่อแกนนำพรรคที่เป็นรัฐมนตรี ต่างต้องมารับศึกโควิด-19 และการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ที่ผ่านมา
สำหรับ "กลุ่ม 4 ช." นั้นประกอบด้วย รัฐมนตรีช่วยฯ คือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ,สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ,อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคมและ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน ต่อมาได้กำลังเสริม จาก "วิรัช รัตนเศรษฐ" ประธานวิปรัฐบาล ที่โชว์ฝีมือบริหารจัดการงานในสภาฯประสานสิบทิศจนทำให้ ทั้งร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2565 และ พ.ร.ก.กู้เงิน 5แสนล้านบาท ผ่านความเห็นชอบจากสภาฯ มาได้อย่างฉลุย แถมยังมี "งูเห่า" จากพรรคฝ่ายค้าน โชว์ตัวให้ฝั่งตรงข้ามได้เจ็บใจเล่นอีกด้วยต่างหาก !
การวัดกำลังระหว่างขั้วการเมืองใหญ่ 2 กลุ่ม คือกลุ่ม 4ว. ที่พยายามรักษาเก้าอี้ "แม่บ้านพรรค" ให้กับอนุชา ไม่ต้องการให้ กลุ่ม 4ช. ที่นำหน้าโดย ร.อ.ธรรมนัส สยายอำนาจคุมทั้งพรรค คือเกมแห่งอำนาจที่สุ่มเสี่ยงจะนำมาซึ่ง "ความขัดแย้ง" ภายในพรรคพลังประชารัฐ ก่อนที่จะเดินหน้าไปสู่การจัดทัพ เพื่อเตรียมรับการเลือกตั้งครั้งหน้า
เพราะอย่าลืมว่า ร.อ.ธรรมนัส นั้นคือสายตรงจาก บิ๊กป้อม สร้างผลงานกวาดเอาชัยชนะการเลือกตั้งซ่อมให้กับพรรคมาได้ด้วยกัน 3เขตเลือกตั้ง ทั้งที่ลำปาง เขต 4 เมื่อเมษายน 63 พา วัฒนา สิทธิวัง เข้าสภาฯมาได้ ต่อมาในการเลือกตั้งซ่อม นครศรีธรรมราช เขต 3 ทำให้ อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ เป็นส.ส.สมัยแรก เมื่อเดือนมีนาคม 64
จากผลงานของร.อ.ธรรมนัส ที่ทำให้บิ๊กป้อม พอใจแต่ใช่ว่า จะเป็นที่ยอมรับของกลุ่มสามมิตร ที่แม้สมศักดิ์ เองจะปฏิเสธอยู่หลายครั้งว่า ไม่มีแล้วกลุ่มสามมิตร แต่ทุกคนในพรรครับรู้กันดีว่า กลุ่มสามมิตรเวลานี้มีแต่จะต้องเหนียวแน่นและยังต้องรักษาเก้าอี้เลขาฯพรรค ให้เป็นของอนุชา เหมือนเดิม เพราะหากต้องเสียตำแหน่งแม่บ้านพรรคไปรอบนี้ ยิ่งตอกย้ำว่า กลุ่มสามมิตร กำลังถูก "ริดรอน" บารมีภายในพรรค
อย่างไรก็ดี "คำตอบสุดท้าย" คงต้องอยู่ที่ บิ๊กป้อม ว่าจะหาทางยุติความวุ่นวาย ความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐอย่างไร จึงจะไม่ทำให้เกิด "ศึกใน" จนมองหน้ากันไม่ติด !