ดร.วิชัย พยัคฆโส [email protected] ผู้คนในคลัสเตอร์ต่างๆติดโควิด-19 กันไม่หยุด ท้ายสุดเป็นคลัสเตอร์จากเรือนจำ ที่ถือว่าเป็นคลัสเตอร์ใหญ่สุด และอัดแน่นไปด้วยผู้คนทำให่ไม่สามารถจำกัดระยะห่างได้จึงติดกันเป็นพวง แม้ว่ารัฐบาลพยายามจัดฉีดวัคซีนให้ประชาชนโดยความร่วมมือของภาคเอกชนที่ให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนได้อย่างทั่วถึง แบ่งเป็น 30:50:20 สัดส่วนนี้แบ่งเป็น 30% ผู้ที่ลงทะเบียนในสถานที่ในโรงพยาบาล โดยผู้คนส่วนมากจะเป็นผู้มีโอกาสเสี่ยงสูงก่อน สำหรับ 50% เป็นสัดส่วนของผู้สูงอายุเกิน 60 ปี และมีโรคเสี่ยง 7 โรค ส่วน 20% จะเปิดโอกาสให้ประชาชนเดินเข้ารับการลงทะเบียนฉีดได้อย่างเสรี ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อแล้ว อาการหนักถึงขั้นเสียชีวิตวันละประมาณ 20 คน เสียชีวิตไปแล้ว 500 กว่าคน ทำให้ประชาชนวิตกกังวลรีบหันฉีดวัคซีนกันมากขึ้น เพราะการฉีดวัคซีนถือเป็นวาระแห่งชาติที่ทุกคนควรได้รับการฉีดให้ทั่วถึง แต่คนที่เสียชีวิตมักจะเป็นคนที่มีโรคภัยติดตัวอยู่แล้วทั้งสิ้น เช่น -โรคอ้วน -โรคหลอดเลือดตีบ -โรคเบาหวาน -โรคความดันโลหิตสูง -โรคหหอบหืด -โรคทางเดินหายใจ -โรคไตวายเรื้อรัง เชื่อว่าทุกคนคงต้องตระหนักถึงโรคภัยไข้เจ็บกันมากขึ้นเพื่อรักษาชีวิตของตนเองเมื่อเวลาติดเชื้อโควิด ซึ่งต้องระมัดระวังว่ามิให้เป็นโรคดังกล่าว ซึ่งในการนี้อาจทำให้สินค้าอาหารเสริมในการลดผู้ป่วยเหล่านั้นโฆษณามากขึ้นและอาจจะขายได้มากขึ้น เช่น -เลิกกินอาหารปิ้งย่างทอดและอาหารที่มีแต่แป้ง เพื่อป้องกันโรคอ้วนและไขมัน -เลือกซื้อหาหารเสริมที่มีส่วนผสมของพืชจะลดความดันโลหิตได้ -เลือกอาหารเสริมที่จะลดไขมันในเลือดให้มากที่สุด -เลือกอาหารเสริมที่จ่วยลดโปรตีนที่ไม่จำเป็น ป้องกันโรคอ้วนและได้รับโปรตีนมากไป -เลือกอาหารเสริมโปรตีน บางส่วนี่ขาดหายไปจากอาหาร 5 หมู่ -เลือกซื้ออาหารเสริมเฉพาะอย่าง เช่น ป้องกันไขมันมิให้อุดตัน เช่น กระเทียม น้ำมันปลาฯลฯ มากขึ้น โดยสรุปประชาชนน่าจะระวังตัวมิให้มีโรคดังกล่าวติดตัว จะทำให้คนไทยทั่วไปน่าจะรักษาสุขภาพกันมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องดีที่โรงพยาบาลจะลดอัตราผู้ป่วยได้อีกมาก เพราะยังมีโรงพยาบาล สถานพยาบาลมากเท่าใดก็ยังไม่พอเพียงกับผู้ป่วยจากโรคเรื้อรังเหล่านี้ อย่างไรก็ดีรัฐบาลควรให้มีการประชาสัมพันธ์กับหลักโภชนาการที่ดีแก่ประชาชนให้มาก ลดการโฆษณาในสื่อต่างๆที่เกี่ยวกับอาหารที่ไม่มีประโยชน์แต่หวังจะใหโทษภายหลัง เป็นการป้องกันประชาชนมิให้ป่วยอย่างได้ผล