ชัยวัฒน์ สุรวิชัย ต่อจากฉบับที่แล้ว นอกจากการให้เงินทรัพย์สินแก่บุคคลที่ขาด การให้ความคิด แรงกาย เลือดเนื้อและที่สุดคือชีวิตแก่บ้านเมือง • ชีวิตของคนดี ที่ได้รับการอบรมสั่งสอนจากพ่อแม่ครูและพระสงฆ์ที่ดีมีธรรมแท้ จะให้แก่คนที่ขาดเสมอมา • การพัฒนาการทำบุญ ที่ค่อยๆพัฒนามาจากความรับรู้และความเข้าใจเรื่องการทำบุญมากขึ้น 1. ตอนยังเด็กยังเล็ก การทำบุญทำทาน มาจากการได้เห็นป๋าแม่ คุณยายและก๋งทำบุญตักบาตรไปวัด ยายคำใส เฮวอินปี จะนุ่งขาวห่มขาวไปจำศีลที่วัดม่อนจำศีล เป็นภาพที่ประทับใจยิ่ง ขาวบริสุทธิ์มีราศรี ให้เงินขอทาน คนจนที่มาขออาหารเสื้อผ้า การทำบุญผ่านสมาคมแซ่ต่างๆของคนจีน การแสดงงิ๋ว ฯ โตขึ้นมา จึงได้รู้ว่า “ก๋ง นายเฮว เฮวอินปี” ทำสิ่งใหญ่ที่เป็นประโยชน์แก่ชุมชนและจังหวัดลำปาง จากการร่วมกับคหบดีและผู้มีจิตศรัทธาคนไทยเชื้อสายจีน ก่อตั้งโรงเรียนประชาวิทย์ โรงเรียนจีนในลำปาง และทำบุญการกุศลมาอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นเงินและทรัพย์สินที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของตน รวมทั้งได้รู้ว่า “ ป๋า” ได้ช่วยเหลือพี่น้องหลานในเรื่องการสนับสนุนการเรียนและสิ่งอื่นๆที่มีความต้องการ และการช่วยเหลือเพื่อนมิตรทั้งนักธุรกิจและนายทหารฯที่มีการพบปะสังสรรค์ แต่ขาดปัจจัยและสิ่งของ ทำให้ก๋งยาย ป๋าและแม่ ได้รับความรักความเชื่อถือจากคนในชุมชนและพี่น้องเครือญาติเพื่อนฝูงมาตลอด 2. ที่โรงเรียนอรุโณทัยและอัสสัมชัญลำปาง เป็นเรื่องของการสอนอบรมและการเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์ ส่วนเพื่อนช่วยเพื่อน ในตอนเด็กไม่ค่อยเห็น อาจจะมีคือ การที่ปู่จิ๊บให้การบ้านเพื่อนไปลอก เพื่อส่งครู 555 การมีน้ำใจให้แก่เพื่อนต่อเพื่อน ทั้งเราให้เขาแลเขาให้เรา รวมทั้งเพื่อนที่เก่งกีฬา ได้เล่นให้กับโรงเรียน อ้อ เกือบลืมไป เพื่อนรุ่นพี่ ที่ให้ปู่จิ๊บขี่คอกลับมาบ้าน หลังจากไปเดินเหยียบกองเพลิงที่เผาศพคนริมแม่น้ำวัง 3. ตอนโตขึ้น มาเรียนต่อที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาฯ ที่มีแต่เด็กเก่ง มุ่งแข่งขันการเรียนกันอย่างดุเดือด แต่ปู่จิ๊บได้ไปเป็นกรรมการของชมนุมสังคมศึกษาจัดงานวันสหประชาชาติและพานักเรียนไปเที่ยววัดอยุธยาฯ 4. เมื่อมาเรียนวิศวจุฬาฯมีกิจกรรมช่วยเพื่อน ,ชมรมวิชาการวิศวฯ และชมรมต่างๆของสโมสรนิสิตจุฬาฯ การไปร่วมขายดอกปีอบปีสีแดงเพื่อหารายได้ให้กับทหารผ่านศึกฯที่นำโดยคุณหญิงจงกล ภรรยานายกถนอม การไปร่วมสังเกตุการณ์เลือกตั้งกทม. การร่วมเดินขบวนต่อต้านการทุจริตคอร์รับชั่นของผู้บริหารมหาวิทยาลัย การต่อต้านสินค้าญี่ปุ่น และการรณรงค์ให้ใช้สินค้าไทย ที่ร่วมกันทำกับ อาจารย์ธีรยุทธ บุญมี การเป็นอุปนายกและนายกสโมสรนิสิตจุฬาฯปี 2514 ในช่วงของระยการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของประเทศ งานสโมสรนิสิตจุฬาฯ เริ่มต้นปี เชิญประชุมนายกสโมสรของมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อประท้วงนักศึกษามาเลเซีย ที่เผาธงชาติไทย ด้วยความรู้สึกว่า “ เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม” และการแสดงออกถึงความรักชาติฯการเป็นที่ปรึกษาของศนท. ในสมัยธีรยุทธ เป็นเลขาธิการฯ ที่เริ่มมีกิจกรรมการเมือง ซึ่งได้ร่วมให้คำแนะนำต่างๆ หัวใจใหญ่ที่ได้รับในช่วงนี้ มาจาก ประเพณี SOTUS ระบบโซตัส ที่มีเด็กอาจารย์บางส่วนคัดค้านในปัจจุบัน 1. ปู่จิ๊บขอพูด ถึงเรื่องหลักการซึ่งเป้นเรื่องที่ดีงามและไปปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน แต่ก็อาจจะมีข้ออ่อน ซึ่งเกิดจากผู้ใช้ ทั้งผู้ให้และผู้รับ นำไปใช้ในทางที่ผิด อาจจะเกิดโทษหรือผลเสียได้ 2. ในส่วนตัวเองได้ประโยชน์จากการได้รับสิ่งที่ดีจากรุ่นพี่ หรือการนำมากลั่นกรอง ก่อนจะนำมาใช้ ตัวเองได้นำไปใช้กับรุ่นน้อง ทั้งจากการทำไปโดยธรรมชาติที่ได้สะสมมาก่อน และจากการซึมซับมาจากรุ่นพี่ โดยการให้กับรุ่นน้องหรือผู้ที่อ่อนวัยกว่า เรื่องเงินเป็นส่วนน้อย ( เพราะมีไม่มาก และใช้อย่างประหยัด) ที่ให้ได้มาก คือ เรื่องของน้ำใจความรักความจริงใจ ความคิดการแนะนำในเรื่องดี การออกแรงฯเช่น ในการทำงานใหญ่กับ อ.ธีรยุทธ บุญมี ที่เป็นรุ่นน้อง ก็จะให้การสนับสนุนช่วยเหลือทุกเรื่อง โดยให้น้องออกหน้า มีบทบาทในฐานะเป็นคนคิด ส่วนพี่ช่วยอยู่ข้างหลังให้งานบรรลุ โดยทำเช่นนี้กับทุกคน การขับเคลื่อนเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมาจาก 14 ตุลา 2516 มาถึงปัจจุบัน “ยามรบอยู่หน้า ยามสงบอยู่หลัง” เพราะเรามีความสุข จากการทำงาน เป็นสปิริตเป็นน้ำใจที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่นและที่สำคัญคืองานเพื่อส่วนรวมฯ 3.ต้องขอพูดเรื่องหลักการที่ดีมีของระบบโซตัส เพื่อให้คนได้เข้าใจและตระหนักถึงคุณค่าความหมาย 3.1 Seniority อาวุโส , Order ระเบียบวินัย , Tradition ประเพณี , Unity สามัคคีเป็นหนึ่ง , Spirit น้ำใจ Seniority คือ การเคารพผู้อาวุโส การสำนึกในความเป็นน้องซึ่งเยาว์กว่าทั้งความรู้และประสบการณ์ เมื่อรุ่นน้องเจียมในความเยาว์ ประพฤติอ่อนน้อม เพื่อน้อมรับการสั่งสอนจากผู้ที่มีอาวุโสกว่า Order คือ การปฏิบัติตามระเบียบวินัย ในสังคมมีคนจำนวนมาก เมื่อทำงานใหญ่จึงจำเป็นต้องแบ่งหน้าที่กันทำ ต้องมีผู้นำและผู้ตามเป็นลำดับ การพาคนหมู่มากไปสู่ความสำเร็จได้ จำต้องมีระเบียบและรักษาวินัย Tradition คือ การปฏิบัติตามธรรมเนียมประเพณีที่ดีงามด้วยภาคภูมิใจ ได้หล่อหลอมต่อเนื่องมาจากรุ่นก่อน สู่รุ่นน้อง และทำให้ทราบว่าถึงความเป็นหนึ่งเดียวกัน Unity คือ การเป็นหนึ่งเดียว หรือความสามัคคีร่วมแรงร่วมใจกัน มีใจมุ่งสู่เป้าหมายอันเดียวกัน Spirit คือ การฝึกจิตใจ การเสียสละกายและใจ มีน้ำใจเพื่อสังคม ให้กล้าทำในสิ่งที่ถูก ที่เป็นธรรมยืนอยู่ได้ในกระแสเชี่ยวของสังคมด้วยความนับถือในธรรมของตนเอง 3.2 โคลงสี่สุภาพ ( ในหนังสือเฟรชชี่รุ่นโบราณ ในห้องสมุดภาควิศวกรรมโยธา จุฬาฯ ) อธิบายความหมายดั้งเดิมของโซตัสในมุมมองของนิสิตในคณะวิศวฯ S – Seniority ต่างคนเรียนต่างชั้นต่างปี เปรียบหนึ่งเป็นน้องพี่ร่วมพ้อง พี่แนะสิ่งใดดีใดผิด เจ้าประพฤติสมดั่งน้องพี่นี้คอยเคียง ฯ O – Order หมู่ชนคนหลากล้นสารพัน ต่างมาร่วมรวมกันสร้างชื่อ วินัยจึ่งสำคัญมากอยู่ เรียนเล่น บ มิยื้อ นอกล้นกฎเกณฑ์ ฯ T - Tradition เจตนาพาสืบทอดสิ่งดี ต่างชนคนต่างมีแผกบ้าง สานสืบประเพณีคือหนึ่ง หลากรุ่นร่วมสรรค์สร้างต่อเนื่องเนิ่นนาน ฯ U – Unity สามัคคีถือเทิดไว้มั่นคง เลือดหมูจักดำรง สืบได้ บ้านเมืองยิ่งดำรงอยู่ยั่ง ยืนนา ผองพวกรักร่วมไว้ดุจแม้นฟันเฟือง ฯ S – Spirit สละซึ่งกายจิตได้เป็นดี เรียนเด่นเล่นควรมีคละเคล้า น้ำใจยิ่งต้องมีเป็นหนึ่ง ร่วมกิจกรรมเช้าแบ่งบ้างตามกาล ฯ • การให้ เริ่มมีมากขึ้น เมื่อมาทำงาน และการทำกิจกรรมเพื่อบ้านเมือง การให้กับการรับ เป็นของคู่กัน สัมพันธ์และเกี่ยวข้องกัน มีให้ก็มีรับ มีรับก็มีให้ เริ่มต้นจากเรายังเยาว์ตัวเล็กๆ จึงถูกให้ก่อน จากพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ พระสงฆ์องค์เจ้า เพื่อนและคนรู้จักเมื่อได้รับมา เราก็ตอบแทนกลับ แต่คงเป็นตัวเองเป็นหลัก และมีผลส่งต่อไปถึงผู้ให้เช่น การเป็นลูกที่ดี เป็นลูกศิษย์ที่ดี เป็นชาวพุทธที่ดี เป็นเพื่อนที่ดี และเป็นประชาชนที่ดี เมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ทำงานอาชีพ ทำงานให้ชุมชนสังคมและบ้านเมือง เราก็เริ่มให้มากขึ้นแต่เราก็ได้รับทั้งก่อนและหลังมากขึ้น เพื่อความเข้าใจให้ถูกต้อง จึงต้องขอยกตัวอย่างรูปธรรม 1.ช่วงเป็นนิสิตวิศวฯจุฬาฯ ทำงานให้คณะ ได้รับการคัดเลือกจากที่ประชุมสภาซีเนียร์ให้สมัครอุปนายกจุฬาฯ 2.ได้ทำงานกิจกรรมของชมรมต่างๆของสโมสรมาตลอด 4 ปี จึงได้รับเลือกจากชาวจุฬาฯ ให้เป็นอุปนายกฯ 3.ช่วงเป็นอุปนายกฯทำงานให้สโมสรนิสิตจุฬาฯ เมื่อนายกสจม.ต้องออกไป ที่ประชุมจึงเลือกเป็นนายกสจม. 4.ศนท.และประชามหาชน ได้เดินขบวนครั้งใหญ่ เรียกร้องให้รัฐบาลปล่อยตัว 13 กบฏเรียกร้องรธน. เมื่อเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 เราได้ถูกปล่อยตัวออกมา ก็ต้องทำงานตอบแทนบุญคุณประชาชน 5.เมื่อตั้งพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย และได้รับเลือกเป็น สส.15คน จึงต้องออกไปหาประชาชนมากขึ้น 6.ช่วงเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 คณะเราเข้าป่า ได้รับการปกป้องคุ้มครองจาก พคท. เราจึงต้องทำงานหนัก 7.และเป็นเช่นเดียวกับเหตุการณ์ต่างๆที่สำคัญ เช่น 17 พฤษภา 2535 , 11 ตุลา 2540 , พธม., กปปส. …. เราต่างให้และรับ จากเพื่อนพ้องน้องพี่ ประชามหาชน ที่มีเป้าหมายร่วมกัน คือ ประชาชนและประเทศชาติ การให้ความรัก เราก็ได้รับความรักตอบแทน การให้ความสุข เราก็ได้สุข เราช่วยเขา เขาก็ช่วยเรา ฯ นี่คือ “ หัวใจ และหลักธรรม “ ของการทำบุญ การให้ความรัก ความสุข ความคิด แรงกายแรงงาน เงินทองฯ มิใช่เรื่องเงินทองอย่างเดียว และมิใช่การทำบุญตักบาตร ทอดผ้าป่า ทอดกฐินฯ อย่างเดียว ฉะนั้น คนทุกคน สามารถทำบุญได้ นี่คือหลักการทำบุญของชาวพุทธ ที่เน้นความเสมอถาคเท่าเทียมกันความสุข เป็นสิ่งที่เราได้ ทั้งการให้และการรับ สุดท้าย คือ การเน้นการทำบุญ โดยให้ ปัจจัยต่างๆที่เรามี เริ่มจากความคิดดีทำดี และคัดเลือกจัดสรร เพื่อให้บรรลุตาม กระบวนการของการให้ มี 3 องค์ประกอบ คือ ผู้ให้ สิ่งที่จะให้ และผุ้รับ โดยมีเจตนาที่ดี และการให้บรรลุเป้าหมายที่ดี มิใช่ทำตามกระแสหรือค่านิยมฯที่ผิดๆถูกๆ 1. การไม่ให้ หรือ ทำบ้างเพียงเล็กน้อย คือ ไม่ให้แก่คนที่ไม่ดี หรือพระหรือวัดที่ไม่เน้นธรรม เพราะเงินหรือสิ่งของที่ให้ จะถูกแบ่งไปสู่วัดครึ่งกรรมการครึ่ง และไม่ตรงเจตนาของพุทธธรรม และคนที่มาเรี่ยราย โดยไม่ทราบวัตถุประสงค์หรือการนำไปใช้ประโยชน์จริง ฯลฯ 2. การให้ส่วนที่เป็นเงิน จะให้แก่ผู้ที่มีความจำเป็น มีความเดือดร้อน หรือยังขาดแคลน มีไม่พอ ฯ เช่น ให้กับญาติพี่น้องที่ขาดแคลน เพื่อนมิตรสหายที่เดือดร้อน หรือมีสุขภาพไม่ดี ต้องการความช่วยเหลือ กองทุนมุทิตาของครูเก่าฯ , คนสวนที่พิการ ซึ่งยังทำงาน แต่ไม่พอใช้ ( ซึ่งใช้ไปราว 4-5 หมื่นบาทต่อปี ) 3.ส่วนที่เป็นความคิด แรงกาย ฯ จะเน้นการให้ความรู้ความจริง เพื่อให้พัฒนาคุณภาพคนและเพื่อบ้านเมือง เน้นการให้เขาพึ่งตนเองได้และออกมาช่วยเหลือพัฒนาคุณภาพคนไทย ให้มีมากขึ้นพอต่อการเปลี่ยนแปลง ซึ่งได้ทุ่มเทแรงใจแรงกาย ทำมาตลอดเวลา และมากขึ้นในช่วงท้ายของชีวิต เพราะเวลามีน้อยลง