ในวันที่ 12 พ.ค.64นี้ "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) มีกำหนดการลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยมและติดตามการทดลองระบบการฉีดวัคซีน ก่อนให้บริการประชาชน ที่จุดฉีดวัคซีนโควิด-19 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว แน่นอนว่าการลงพื้นที่ของพล.อ.ประยุทธ์ รอบนี้คือการปรากฎตัวเพื่อติดตามงานตามที่ได้สั่งการเอาไว้ อย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะการเกาะติดสถานการณ์การแพร่ระบาดในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งกลายเป็นว่า "ยิ่งตรวจ ยิ่งเจอ" ยิ่งตรวจคัดกรองเชิงรุก ทั้งในตลาดและชุมชน ก็ยิ่งพบ คลัสเตอร์ใหม่ ของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ต่อเนื่อง ส่งผลให้พล.อ.ประยุทธ์ ต้องตัดสินใจตั้งคณะทำงานชุดพิเศษขึ้นมาเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดในกรุงเทพฯและปริมณฑล ในชื่อ "คณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อบูรณาการงานโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล" โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้อำนวยการ ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล รอบๆกทม. นั้นอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นกังวลไม่น้อย เพราะไม่เพียงแต่การตรวจเชิงรุกตามชุมชนต่างๆ จะทำให้เห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อ ที่เพิ่มมากขึ้นแล้วเท่านั้น แต่ยังพบว่าปัญหาการบริหารจัดการ โดยมุ่งไปที่การดึงเอา 50 เขตในกทม.เข้ามามีส่วนร่วมและเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก การรับมือกับการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ไปพร้อมกับการ "รบรา" กับเสียงโจมตีจากฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ที่วันนี้ได้ขยายแนวรบ บุกไปถึง "ทีมแพทย์" กำลังกลายเป็นปัญหาที่พล.อ.ประยุทธ์ เองต้องเร่งกอบกู้สถานการณ์ทั้ง การบ้านและการเมืองให้พลิกฟื้นโดยด่วน โดยเฉพาะการเร่งฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ไปพร้อมๆกับการคุมเข้มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด ทั้งในกทม. ปริมณฑล ที่กำลังเข้าข่ายวิกฤต ขณะเดียวกันยังต้องหาทางสกัดกั้นปัญหาลักลอบเข้าประเทศไทยตามแนวชายแดน แนวรบทางการเมือง กำลังรอจังหวะ "ขยายแผล" รัฐบาลอยู่เบื้องหน้า เมื่อถึงวาระที่มีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 27 พ.ค.นี้ เพราะนี่คือช่องทางที่สามารถ ติดตาม ตรวจสอบ และ "เขย่า" รัฐบาลได้โดยชอบธรรม ในวาระการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2565 ซึ่งคาดว่าจะพิจารณาได้ในช่วงต้นเดือนมิ.ย. เมื่อเวทีสภาฯเปิดขึ้น แน่นอนว่าประเด็นทางการเมือง จะโถมเข้าใส่รัฐบาลจากทุกทิศทุกทาง โดยไม่ต้องสงสัย และไม่เพียงแต่การติดตามตรวจสอบการบริหารจัดการกับไวรัสโควิด-19 ที่ฝ่ายค้านชี้ว่ารัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ ไม่เพียงแต่ผิดพลาด แต่ยังถึงขึ้น "ล้มเหลว" เท่านั้น หากแต่อย่าลืมว่า กระแสการบี้ให้ "ผู้นำรัฐบาล" ต้องเร่งตัดสินใจอย่างใด อย่างหนึ่งต่อกรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ จะกลับมาเป็น "จุดตาย" อย่างหนักหน่วงตามมา ความเงียบสงบ แต่ไม่ได้ "สงัด" สำหรับบรรยากาศและความเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่ถูกเบรคด้วยสถานการณ์โควิด -19 บวกกับอยู่ในช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ กำลังจะจบลง และพร้อมที่จะกลับมา "ถล่ม" พล.อ.ประยุทธ์ ในอีกไม่ช้าไม่นาน เว้นแต่ว่า รัฐบาลจะสามารถใช้ทุกเครื่องมือที่มีอยู่ "เอาอยู่" ทั้งสภาวะโควิดให้ได้ภายในเดือนพ.ค.นี้ !