เมื่อ "รัฐบาล" อยู่ในภาวะที่แบกรับทุกแรงกดดันรอบด้าน ในสถานการณ์ที่ต้องยืนต้านกับ "วิกฤติ" การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ที่บุกเข้าโจมตีประเทศไทยเป็นรอบที่ 3 ได้กลายเป็นการเปิดช่องให้ "ฝ่ายค้าน"ฉวยจังหวะหยิบยกขึ้นมา "ถล่ม" อย่างที่เห็น! เมื่อส.ส.พรรคเพื่อไทย พรรคแกนนำฝ่ายค้าน ที่ดาหน้ากันออกมาประสานพลัง "บีบ" ให้ "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตัดสินใจ "ลาออก" ถ้ายังไม่สามารถบริหารจัดการปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมื่อเวลานี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นในแต่ละวันเกินวันละ 1พันคนไปเรียบร้อยแล้ว แต่ฝ่ายค้านยังคงมองว่า รัฐบาลน่าจะทำได้ดีกว่านี้ มากกว่าที่จะออกมาแก้เกี้ยว ว่าติดน้อย เสียชีวิตน้อย "วันนี้กลายเป็นจุดอ่อน พูดไม่ได้แล้ว ลามถึงวิกฤตเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ความขัดแย้งภายในรัฐบาล การเมืองภาคประชาชนกดดัน ขับไล่ รัฐบาลอาจไปก่อนฉีดวัคซีนให้คนไทยได้ครบ" อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ทว่าการออกแรงขับไล่ กดดันจากพรรคฝ่ายค้านดูจะไม่เป็นผลมากนัก เพราะลำพังเกมการเมืองในเวทีสภาผู้แทนราษฎร ที่เคยเป็น "โอกาส" ให้ "6พรรคฝ่ายค้าน"ได้แสดงพลังอย่างเต็มที่ก็กลับ ไม่สามารถ "คว่ำ" รัฐบาลและ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ลง ทั้งจากวาระการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือแม้แต่เกมล่าสุดคือการแก้รัฐธรรมนูญ แต่ถึงกระนั้น ใช่ว่าการอยู่ในความนิ่งสงบของ "ฝ่ายค้าน" จะเป็น "แผนการเล่น" ที่ดี ในทางตรงข้าม หากไม่สกัดด้วยทางใดทางหนึ่ง แล้วปล่อยให้ "เวที" ตกเป็นของรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว จะยิ่งกลายเป็นการ "ต้อนตัวเอง" เข้ามุมแทน ด้วยเหตุนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่จะพบว่า ทั้งพรรคเพื่อไทยและ พรรคก้าวไกล จึงต้องเดินหน้าถล่ม เพื่อ "ยืนระยะ" แรงกดดันไปถึงฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะในเวลานี้ที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด กลับมาระบาดรอบที่ 3 แต่ปรากฎว่าการฉีดวัคซีน ยังไม่สามารถกระจายได้ทั่วถึง และที่สำคัญไปกว่านั้นยังัดเจนว่า "คลัสเตอร์ใหม่" ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดรอบนี้ มาจากสถานบันเทิงทั้งในกรุงเทพฯและตามจังหวัดใหญ่ ๆ ว่าถึงแม้จะมีการดำเนินการทางคดีอาญา กับผับที่ทองหล่อ แต่ยังมีข้อกังขาว่า แท้จริงแล้วยังสาวไปไม่ถึง "เจ้าของตัวจริง" ประเด็นที่รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ ถูกโจมตีในท่ามกลางวิกฤติโควิด จึงไม่ใช่แค่เพียงเรื่องของการบริหารจัดการวัคซีนเท่านั้น หากแต่ยังลามไปถึงการใช้กฎหมายเอาจริงเอาจัง กับทุกคนอย่างเสมอภาค และหากที่สุดแล้วรัฐบาลยังไม่สามารถสกัดการแพร่ระบาดให้อยู่ในจุดที่มั่นใจได้ว่าจะไม่กระทบไปถึง "เศรษฐกิจ" จะยิ่งกลายเป็นแรงเสียดทานที่พล.อ.ประยุทธ์ ต้องแบกรับอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง จากนั้นจะต้องไปลุ้นกันว่า "มาตรการ" ที่รัฐบาลประกาศใช้อยู่เวลานี้ คือเน้นการควบคุมเป็นโซนสี ในแต่ละกลุ่มจังหวัด โดยไม่มีการประกาศเคอร์ฟิวส์ และล็อกดาวน์ เพียงแค่ "ลดการเคลื่อนย้าย" นั้นเพียงพอแล้วหรือไม่ ? วันนี้หากจะบอกว่า "ฝ่ายค้าน" เลือกจังหวะที่จะ โหนกระแสปัญหาโควิด เพื่อร่วมถล่มรัฐบาลและพุ่งเป้าไปที่ตัว พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะ "ผู้นำรัฐบาล" ก็คงไม่ผิดนัก แต่ที่แน่ๆงานนี้ หากรัฐบาลจะมีอันต้องซวนเซ ก็ย่อมไม่ใช่เพราะ "แรงผลัก" จากฝ่ายค้าน แต่น่าจะมาจากตัวรัฐบาลเอง ที่การ์ดตกเสียเอง !