ดร.วิชัย พยัคฆโส
[email protected]
สงกรานต์ปีนี้ผ่านพ้นไปแล้ว ด้วยความเงียบเหงาและเงียบสงบ เพราะไม่มีการสาดน้ำ สถานบันเทิงปิดหมดเกือบทั้งประเทศเพราะอิทธิพลของโควิด-19 ได้กระจายตัวจากผับดัง 2 ผับที่ ซอยทองหล่อออกไปทุกจังหวัด
โดยเฉพาะที่เชียงใหม่และกรุงเทพมหานคร ที่มีคนติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธ์อังกฤษกันงอมแงมวันละพันกว่าคน ทำให้งานสงกรานต์ปีนี้เงียบเหงาไม่มีที่ใดจัด โดยเฉพาะการค้าการขายที่ถนนข้าวสารเงียบสนิท ร้านขายปืนฉีดน้ำ เสื้อลายวันสงกรานต์ขายไม่ได้ ขาดทุนกันย่อยยับไปหมด
จนกระทั่งนายกรัฐมนตรีต้องขอร้องให้หน่วยราชการหยุดงาน โดยทำงานแบบ Work From Home กันให้มากที่สุดจนถึง 30 เม.ย.นี้ นับเป็นการระบาดรอบที่ 3 ที่น่าสะพรึงกลัว แม้แต่ฉีดวัคซีนแล้ว 2 เข็มก็ยังสามารถติดได้ ส่งผลเศรษฐกิจไทยทรุดหนักไปอีก ที่คาดว่าจะโต 4% คงไม่ได้แล้ว
ผับดัง 2 แห่ง ที่ซอยทองหล่อ กลายเป็น super spreader แห่งใหม่ที่ลามไปทั่วประเทศ ส่งผลให้ต้องย้ายผู้กำกับทองหล่อ เพราะไม่ได้เข้มงวดกวดขัน ทั้งๆที่ทั้ง 2 แห่ง ไม่มีใบอนุญาตให้เปิดเป็นแหล่งบันเทิงได้ ทำให้ผู้จัดการร้าน 2 คน ถูกศาลสั่งจำคุก 2 เดือน โดยไม่ลงอาญาและอาจจะโดนปิดผับทั้ง 2 แห่งอีกอย่างน้อย 5 ปี หรือมากกว่านั้น
หลังสงกรานต์แล้วก็ยังระบาดต่อ ทั้งๆที่กระทรวงสาธารณสุขได้ระดมฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันอาการที่หนักๆกลับมาเป็นอาการที่เบาขึ้นก็ยังดีกว่า ไม่มีวัคซีนป้องกัน จนไม่รู้ว่าจะจบเมื่อใด เพราะหากเราไม่มีมาตรการใดๆมารองรับ อาจติดเชื้อกันได้ถึงวันละนับหมื่นคน
ขณะนี้ทั้ง กทม.และหน่วยทหารได้รีบเร่งสร้างโรงพยาบาลสนาม สามารถรับคนป่วยได้เป็นหมื่นแล้วก็ตาม เชื่อว่าคงไม่เพียงพอกับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มล้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระทรวงสาธารณสุขจึงหันมาเจรจากับโรงแรมให้เป็นโรงพยาบาลสนามแทน คงจะพอแบบทุลักทุเลกันพอควร
มั่นใจว่าคนที่กลับบ้านไปคงไม่ไปรวมกลุ่มเฮฮากันแบบมั่วสุมกันแล้ว เพราะกลัวโควิดมันเล่นงานเอา คงต้องอดใจไว้อีกปีกับงานสงกรานต์ที่ดุร้ายสำหรับคนไทย รัฐบาลจึงแบ่งพื้นที่ของประเทศเหลือเพียง 2 สีและสั่งปิดสถานบันเทิงทั่วประเทศ และมีเวลาปิดห้างสรรพสินค้าเพียง 21.00 น.
หันกลับมาดูจำนวนคนป่วยแล้ว มียอดสะสม 3 หมื่นกว่าคน นับว่ามากในระดับหนึ่ง สำหรับผู้สูงอายุคนไทยกลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นเหยื่อของโควิด-19 ได้ดี ปัจจุบันมีผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 11,627,130 คน จากยอดเต็มของประชากร 66,106,727 คน คิดเป็น 17.57% ดูจากยออดผู้สูงอายุแล้วอาจพุ่งไปถึง 20 ล้านคนในปี 2565 เพราะผู้คนดูแลสุขภาพ รับประทานอาหารเสริมอายุจึงต่อไปได้อีก
ภาคเหนือ จำนวนประชากร 12,027,27 1คน ผู้สูงอายุ 2,389,870 คน ภาคกลาง 17,995,510 คน ผู้สูงอายุ 3,357,678 คน ภาคอีสาน 21,848,228 คน ผู้สูงอายุ 3,684,395 คน ภาคใต้ 9,466,901 คน ผู้สูงอายุ 1,440,608 คน และภาคตะวันออก 4,847,817 คน ผู้สูงอายุ 754,379 คน
ขอส่งกำลังใจให้นายกรัฐมนตรีกับคณะรัฐบาลให้พิจารณาจำนวนผู้สูงอายุควบคู่ไปกับการพัฒนาประเทศ เพราะจะเป็นอีกภาระกิจหนึ่งของประเทศไทย ที่ต้องเตรียมสวัสดิการที่ดีสำหรับผู้สูงอายุอีกส่วนหนึ่ง นอกเหนือจากภาระกิจอื่นๆ