แสงไทย เค้าภูไทย พม่าเสียเมืองให้อังกฤษไปเมื่อ 136 ปีก่อน มาวันนี้ทหารยึดอำนาจการปกครอง ถูกแอนตี้จากนานาองค์กรระหว่างประเทศในเครือพันธมิตรสหรัฐและยุโรป ทำให้พม่าหันไปพึ่งพิงจีนที่เข้ามาครอบงำเศรษฐกิจเมียนมาไปกว่าครึ่งของทุนจากต่างประเทศ จนดูคล้ายกับพม่าเสียเมืองอีกเป็นครั้งที่สอง การเสียเมืองครั้งแรกในปี 2428 เป็นการตกไปเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ ส่วนครั้งนี้ เป็นการตกไปอยู่ใต้อิทธิพลจีน ทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะทางเศรษฐกิจนั้น จีนมีเขตแดนติดต่อกับเมียนมา ความใกล้ชิดสนิทสนมกันมีมากและเคยมีอะไรๆคล้ายกันในอดี ต จีนถูกชาติตะวันตกเรียกว่า Sick Man of Asia คนขี้โรคแห่งเอเชียเป็นรายแรก ต่อมาสมญานามนี้ตกไปเป็นของฟิลิปปินส์ในยุคเผด็จการมาร์กอส จนเมื่อนางอากิโน ได้เป็นประธานาธิบดี ได้ฉุดฟิลิปปินส์ขึ้นมาจากปลักตมการเมืองสกปรกและเศรษฐกิจตกต่ำ ฉายานี้ก็หายไป มาตกอยู่กับพม่าในยุคนายพลเนวิน ปกครองแบบเบ็ดเสร็จเผด็จการ เมื่อนางอองซาน ซูจี ชนะเลือกตั้งจัดตั้งรัฐบาล บรรดานานาชาติ โดยเฉพาะโลกตะวันตก พากันให้ความช่วยเหลือ รัฐบาลที่มีอายุยืนยาวครบวาระสามารถสร้างความเชื่อมั่นแก่ต่างชาติจนทุนต่างชาติไหลเข้ามาในเมียนมาจนฉายา ขี้โรคแห่งเอเชียหายไป ฉายา Sick Man of Asia ทำท่าจะตกมาอยู่กับไทยแทน แต้เมื่อมีการยึดอำนาจการปกครองด้วยกำลังทหาร ฉายานี้ก็กลับมาสู่เมียนมาอีกครั้ง โดยโลกมองว่า เมียนมาจะกลับไปสุ่ยุคมืดอีกคราหากทหารปกครองประเทศ ปฏิกิริยาที่แสดงถึงความเอือมระอาต่อการทำรัฐประหารของนักลงทุนต่างชาติก็คือ การถอนตัวของซูซุกิและการถอนหุ้นของกิรินเบียร์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นจากการเป็นหุ้นส่วน บริษัทเมียนมา อีโคโนมิค โฮลดิ้ง มหาชน จำกัด เป็นเสมือนธงนำให้นักลงทุนต่างชาติในเมียนมาอื่นๆได้เตรียมถอนตัวหรือลดการลงทุน ทุนต่างชาติในเมียนมานั้น จีนกับสิงคโปร์นำหน้าที่สุด ญี่ปุ่น ไทย ไต้หวัน ถัดมา มูลค่ารวม 5.7 พันล้านดอลลาร์เมื่อสิ้นปีที่แล้ว โดยกว่าครึ่งของมูลค่า เป็นทุนจากจีน สิงคโปร์แม้ไม่มีท่าที ยังคงถือความเป็นอาเซียนที่มีปฏิญญาต่อกันว่า จะไม่แทรกแซงกิจการภายในระหว่างกัน คงทุนไว้ในเมียนมา เช่นเดียวกับไทย ที่มีเครือบริษัท ปตท. ซีพีและเครือไทยเบฟฯ แต่แม้จะไม่ถอนตัว ทว่าความไม่มั่นคงทางการเมืองของเมียนมาก็ทำให้ต่างชาติพากันกังวลเหตุการณ์ไม่สงบในเมียนมาและการถูกแซงชั่นจากนานาชาติ การประกาศตัดความช่วยเหลือจากสหรัฐฯมูลค่าปีละ 1.5 พันล้านดอลลาร์หรือราว 45,000 ล้านบาท กระทบกระเทือนต่อรัฐบาลชั่วคราวภายใต้คณะรัฐประหารเป็นอย่างมาก การถูกลอยแพจากนานาชาติ ทำให้เมียนมาต้องหันไปพึ่งจีนอย่างไม่มีทางเลี่ยง เมียนมานอกจากจะมีทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นที่ต้องการของจีนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติในแหล่งอ่าวเมาะตะมะ ที่ ปตท.ไปลงทุนด้วยนั้น จีนสามารถต่อท่อก๊าซและท่อส่งไปสู่สถานีต้นทางในจีนได้เลยทีเดียว การสร้างเส้นทางสายไหมใหม่ไปสู่บ่อเต้นของลาวแล้วตีโค้งไปข้ามฝั่งโขงมาไทยดูออกจะไกลไป ในอนาคตอาจจะผ่านแดนไทย-เมียนมาด้านทิศเหนือซึ่งปัจจุบันเป็นเส้นทางคาราวานรถบรรทุกขนส่งสินค้าจากจีนเข้าไทยอยู่แล้วได้ใกล้ยิ่งขึ้น จีนนั้นครอบงำเศรษฐกิจลาวและกัมพูชาทั้งหมดแล้ว ก้าวต่อไปเมื่อทุนตะวันตกและเอเชียตะวันออกไกลและอาเซียนถอนหรือถอย จีนก็จะเข้าไปแทนที่ เป็นอันว่าพม่าเสียเมืองทั้งประเทศให้จีนไปโดยปริยาย “พม่าเสียเมือง” ชื่อหนังสือปกแข็งที่ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช นิพนธ์ไว้กล่าวถึงการ “เสียเมือง”เป็นการเสียทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่ราชบัลลังก์กษัตริย์ การปกครองไปจนถึงสังคม ศิลปวัฒนธรรม ยุคศักดินาเปลี่ยนมาเป็นสังคมที่ Look West มองตะวันตก แต่มาถึงวันนี้ ชาวพม่าจะ มองตะวันออก Look East แบบไหนยังมองไม่ออก รอให้เหตุการณ์ประท้วงจบลงว่าลงเอยกันแบบไหน นั่นแหละถึงรู้ทิศทางของเมียนมาว่าจะไปทางไหนและอย่างไร จะกลับไปเป็นคนขี้โรคแห่งเอเชียหรือกลับคืนสู่วันอรุณรุ่งกับนางอองซาน ซูจี อีกครั้ง