มติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันอังคารที่ 12 ม.ค.64ที่ผ่านมานอกเหนือไปจากการที่รัฐบาลได้ทยอยออกมาตรการเยียวยาให้กับพี่น้องประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แล้วยังน่าสนใจว่า ครม.ให้ไฟเขียว ให้เปิดสนามเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ด้วยการให้มีการเลือกตั้งเทศบาล โดยคาดว่าจะมีขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ โดยที่ประชุมครม. เห็นชอบให้จัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเฉพาะในส่วนของเทศบาล และขั้นตอนจากนี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้แจ้งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)รับทราบและดำเนินการจัดการเลือกตั้งเทศบาลต่อไป เพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ภายใต้การคำนึงถึงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 นั่นหมายความว่า จากนี้ไป เหลือเวลาอีกไม่กี่อึดใจ สนามเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นสนามที่สองทีได้รับไฟเขียวจากครม. ต่อจากการเลือกตั้งสมาชิกและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)ที่มีไปแล้วเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.63 ที่ผ่านมา โดยสนามเลือกตั้งอบจ.ทั่วประเทศ ทั้ง 76 จังหวัดยกเว้นกทม.ครั้งล่าสุด ต้องถือว่าดุเดือด เข้มข้น และน่าสนใจยิ่งนัก เพราะ “ศึกสนามเล็ก” ได้ฝากบาดแผลเอาไว้กับ พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ถึงขั้นที่ต้องจดจำไปอีกนาน ! แม้งานนี้ พรรคก้าวไกล จะไม่ได้ส่งผู้สมัครลงสนามเลยสักรายเดียว แต่ทว่า “เจ้าของพรรคตัวจริง” อย่าง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ที่อยู่ในสถานะประธานคณะก้าวหน้า ได้ส่งตัวแทนลงชิงชัยด้วยกันถึง 42จังหวัด ก็กลับไม่มีผู้สมัครที่สวมเสื้อคณะก้าวหน้า ฝ่าด่านเข้าสู่สภาอบจ.ได้สักที่นั่งเดียว ความพ่ายแพ้ของคณะก้าวหน้า ในสนามอบจ. ย่อมมีผลกระทบต่อทั้งตัวธนาธร เองไปจนถึงพรรคก้าวไกล รวมถึง “ม็อบราษฎร” ที่ต้องรับรู้ว่า ผู้คนในสังคมคิดและมองพวกเขาเช่นใด ล่าสุด ชำนาญ จันทร์เรือง กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ออกมาระบุ ถึงการเตรียมความพร้อมเลือกตั้งท้องถิ่น ระดับเทศบาลของคณะก้าวหน้า โดยในวันที่ 14 ม.ค.นี้ ทางคณะก้าวหน้าจะได้มีการหารือ เพื่อปรับแผน ถอดบทเรียน วิเคราะห์ผลดี ผลเสียที่ผ่านมา พร้อมทั้งย้ำว่า คณะก้าวหน้าเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งเทศบาลอยู่แล้ว ไม่ว่า “กติกา”จะเป็นอย่างไรก็ตาม การต่อสู้ในสนามเลือกตั้งเทศบาลทั้วประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มว่าการเลือกตั้งน่าจะมีขึ้นในราววันที่ 21 มี.ค.นี้ อาจเป็นได้ทั้ง โอกาส ที่จะให้คณะก้าวหน้า ของธนาธร ได้ “แก้มือ” หลังจากที่ “พ่ายยับ” มาแล้วในสนามอบจ. หรืออาจเป็นไปได้ว่า คณะก้าวหน้า อาจจะต้องพ่ายซ้ำ ย้ำรอยเดิม อีกครั้ง เพราะอย่าลืมว่าในสนามเลือกตั้ง ระดับท้องถิ่น วันนี้ เวลานิ้ไม่ใช่เรื่องของการเมืองท้องถิ่นอีกต่อไป แต่นี่คือสนามประลองที่วัดกำลังกัน สำหรับการเมือง “ระดับชาติ” ไม่ว่าจะเป็นพรรคฝ่ายรัฐบาล หรือ ฝ่ายค้าน ที่ต่างต้องใช้ทุกสนามเลือกตั้งเพื่อสร้างและเสริมความแข็งแกร่งทางการเมืองให้กับตัวเอง เพราะที่สุดแล้วการเมือง “สนามใหญ่” คือการเลือกตั้งส.ส.ทั่วไป จะต้องมีขึ้น ไม่ช้าก็เร็ว !