เสรี พงศ์พิศ www.phongphit ปี 2020 ดูเหมือนว่าโควิดมาหยุดโลก แต่โลกไม่ได้หยุด หมุนเร็วขึ้นอีกตามพลวัตแรงเหวี่งของเทคโนโลยีที่พัฒนาไม่หยุด ถ้าไม่ติดตามให้ดี มีหวังหลุดโลก ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ปี 2021 จะเป็นปีเปลี่ยนผ่านสำคัญของมนุษยชาติ การฟื้นฟูสภาพร่างกายจิตใจ เศรษฐกิจสังคมและการเมืองที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ แม้วัคซีนมาแล้ว แต่โควิดก็ได้สั่นสะเทือนให้ความเชื่อมั่นของมนุษย์ได้ไม่น้อย ที่เคยคิดว่าสามารถเอาชนะโลกและธรรมชาติได้ แต่โควิดก็มาสั่งสอนว่า ความยะโสโอหังและความประมาทคือความตาย ธรรมชาติยังมีอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่า ซับซ้อนเกินกว่าที่สติปัญญาของมนุษย์จะเข้าใจและควบคุมได้ แต่อีกด้านหนึ่ง ชีวิตก็ต้องดำเนินไป จะอหังการน้อยลงหรือไม่ก็ไม่สามารถหยุดการเปลี่ยนแปลงได้ จึงขอสรุปว่า ปี 2021 มีเทคโนโลยีอะไรที่จะมา “เปลี่ยนโลก” และเราต้องเตรียมตัวปรับตัวอย่างไรจึงจะอยู่รอดได้ 1.ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ได้พัฒนามาอย่างรวดเร็วในระยะ 20 ปีที่ผ่านมา ที่ก่อให้เกิดนวัตกรรมและอุตสาหกรรมใหม่ๆ มากมายอย่างสมาร์ทโฟน การสื่อสาร การเรียนรู้ การคมนาคม การทำงานในการเกษตร อุตสาหกรรม งานบริการ หุ่นยนต์ และงานอัตโนมัติต่างๆ การใช้ปัญญาประดิษฐ์จะแทนที่แรงงานและทักษะของคนมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างเรื่องสุขภาพ การตรวจวินิจฉัยโรค การผ่าตัด การรักษาทางไกล และงานอื่นๆ มากมาย 2.ควอนตัมคอมพิวติ้ง จะนำโลกเข้าสู่ยุคใหม่ ต่อจากอะนาล็อกและดิจิทัล จะเป็นยุคที่เปลี่ยนโลกอย่างแท้จริง เพราะแม้แต่ “ดิจิทัล” ก็จะ “ล้าสมัย” ในอีกไม่นาน ต้องปรับตัวเข้าสู่ยุคควอนตั้ม เหมือนที่คนในยุคอะนาล็อกปรับเข้าสู่ยุคดิจิทัล จากเขียนจดหมายมาใช้อีเมล จากโทรสายมาใช้มือถือสมาร์ทโฟน ควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่อเมริกา ยุโรป จีนกำลังแข่งกันพัฒนานี้จะ “หักโค่น” (disrupt) เทคโนโลยีแบบดิจิทัล อย่างการประมวลผลข้อมูลที่ถ้าแบบเดิมต้องใช้เวลาหมื่นปี ปีกลายกูเกิลประกาศว่า สามารถทำได้ไม่กี่นาที เมื่อปลายปี 2020 นี้ จีนบอกว่า สามารถลดเวลาประมวลจากหลายหมื่นล้านปีมาได้ไม่กี่นาที ควอนตั้มคอมพิวติ้งมีส่วนสำคัญที่ทำให้พัฒนาวัคซีนต้านโควิดสำเร็จได้ในเวลาเพียงปีเดียว ไม่ใช่เป็นสิบๆ ปีเหมือนเมื่อก่อน และจะมีผลต่อระบบการเงิน ข้อมูลข่าวสาร ความปลอดภัย ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะจะสามารถเจาะเข้าไปในทุกระบบปัจจุบันได้ แม้แต่บล็อกเชน (blockchain) ที่ว่าแน่ๆ 3.บล็อกเชน แม้ว่าจะยังอยู่ในดิจิทัล แต่ก็เป็นระบบที่การจัดการข้อมูลที่ปลอดภัยที่สุด และคงหาทางป้องกันตัวเองได้ในยุคควอนตัม เพราะบล็อกเชนก่อเกิดระบบการเงินใหม่อย่าง Bitcoin และอื่นๆ รวมทั้งเงินดิจิทัลอย่าง Libra ของ Facebook หยวนดิจิทัลและอื่นที่กำลังรุกเข้าไปในระบบการเงินโลก และมีการประยุกต์บล็อกเชนในสถาปัตยกรรมยุคใหม่ การก่อสร้างและระบบนิเวศ 4.อินเตอร์เน็ตสรรพสิ่ง (IoT) เมื่อสมรรถนะทางเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น การเชื่อมต่อระหว่าง “สิ่งของ” ก็ขยายตัว ทำให้เราสามารถควบคุมสิ่งต่างๆ จากทางไกลได้ ทุกอย่างจะ “สมาร์ท” หมด สมาร์ทออฟฟิศ สมาร์ทโฮม ตึก ข้าวของ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่บ้าน จัดการจากที่ไหนก็ได้ในโลก เทคโนโลยีนี้จะมีส่วนสำคัญในการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ หุ่นยนต์ต่างๆ ให้ทำงานแทนคน 5. 5G ปีใหม่นี้จะขยายตัวไปสู่สาธารณะอย่างแน่นอน จะสร้างปรากฏการณ์น้องๆ ควอนตั้มคอมพิวติ้งทีเดียว การสื่อสาร การใช้อินเตอร์เน็ตจะสะดวกขึ้น เร็วขึ้นกว่าเดิม 10-100 เท่า จะดูหนังดูละครชัดขึ้น ดาวน์โหลดได้รวดเร็ว เล่นเกมออนไลน์ได้ โซเชียลมีเดียและโซเชียลแบงกิ้งจะเร็วและขยายตัว 5G จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ในการขยายอินเตอร์เน็ตสรรพสิ่ง รวมไปถึงรถยนต์ไร้คนขับ หุ่นยนต์ การแพทย์ทางไกล การผ่าตัด การค้าปลีกออนไลน์ และอื่นๆ ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบ “หักโค่น” (disrupt) ทางเศรษฐกิจ การงานที่ใช้แรงงานใช้ทักษะจำนวนมากจะหายไป อย่างที่เห็นในภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ การเงินการธนาคาร คนตกงานจะเพิ่มมากขึ้น คนเรียนจบมาหางานทำไม่ได้ เพราะโลกเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าอยากเข้าใจอดีต ปัจจุบัน และอนาคตด้วยข้อมูลทางประวัติศาสตร์ และการคาดการณ์จากข้อมูลจริง แนะนำให้ไปอ่าน Homo Sapiens และ Homo Deus สองเล่มของ Yuval Noah Harari นักประวัติศาสตร์ชาวอิสราแอล ที่ทำให้เราเห็นพัฒนาการของมนุษย์ใน 70,000 ปีนี้ว่าแตกต่างจากสัตว์อื่นๆ อย่างไร ทำให้เป็น “เจ้าจักรวาล” วันนี้และวันหน้าอย่างไร อ่านแล้วอาจจะตกใจหวั่นไหวไม่น้อย เพราะ Homo Sapiens (ภาษาละตินแปลว่ามนุษย์ผู้มีปัญญา) และ Homo Deus (แปลว่าเทวมนุษย์) เพราะคนกำลังใช้เทคโนโลยีก้าวข้ามขีดจำกัดต่างๆ สามารถใช้สมองของตนเองไปอยู่ในสิ่งของแทนตนได้ ไม่ต้องไปดวงจันทร์หรือดวงดาวก็ส่ง “สมองกล” ไปได้ทาง AI เล่มที่สามของอาจารย์ฮารารี คือ “21 บทเรียนของศตวรรษที่ 21” (2018) พยายามบอกว่า เขาไม่ใช่หมอดูทำนายอนาคตและมองโลกในแง่ร้าย แต่คาดการณ์ไว้เพื่อให้เราช่วยกันไม่ให้มันเกิดผลลบกับชีวิตและสังคม หนังสือของเขาเขียนก่อนที่รู้ผลของควอนตัมคอมพิวติ้งที่สามารถคำนวณประมวลผลได้เร็วกว่าปัจจุบันเป็นล้านล้านเท่า ทำให้คนสามารถคิดคำนวณแบบใหม่ เข้าใจจักรวาล เดินทางข้ามที่และเวลาได้ ย้อนเวลาหาอดีตได้ อาจจะไปถึงดวงดาวที่ไกลออกไปเป็นพันเป็นหมื่นปีแสงในเวลาไม่กี่นาทีได้ ขณะที่เมืองไทย รัฐมนตรีเอนก เหล่าธรรมทัศน์ของกระทรวงการอุดมศึกษาฯ บอกว่า อีก 5 ปี คนไทยจะไปดวงจันทร์ ซึ่งก็อาจเป็นไปได้ เพียงแต่ท่านพูดผิดเวลาหน่อยเท่านั้น เพราะวันนี้คนไทยส่วนใหญ่กำลังจะอดตายเพราะปัญหาเศรษฐกิจ และกลุ่มใจตายเพราะปัญหาการเมือง ยังจะมีคนไทยเหลือไปดวงจันทร์หรือ