แสงไทย เค้าภูไทย ดิจิทัลบาทกำลังเป็นจริง หลังมีโปสเตอร์ประกาศธปท.รับสมัครผู้ช่วยผู้อำนวยการโครงการยุทธศาสตร์สกุลเงินดิจิทัลบนเฟซบุ๊กกลางสัปดาห์ที่แล้ว การประสบความสำเร็จในการนำดิจิทัลหยวนออกใช้ของธนาคารกลางจีน(BOC)ถือเป็นแบบอย่างในการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของหลายชาติที่ต้องการขึ้นสู่เวทีโลกด้านการเงิน โดยเฉพาะไทย ธนาคารกลางของไทย(ธปท.)เคยปรารภถึงดิจิทัลบาทตั้งแต่ครั้ง ดร.วิรไท สันติประภพ ยังเป็นผู้ว่าฯ ซึ่งตอนนั้น ธนาคารกลางของจีนเพิ่งลงมือพัฒนาดิจิทัลหยวน หลังจากทดลองใช้ดิจิทัลหยวนในนครใหญ่ 4 แห่งประสบความสำเร็จงดงามแล้ว ขณะนี้ BOC กำลังนำออกใช้กับคนจีนทั้งประเทศ โดยเป้าหมายให้คนจีน 800 ล้านคนที่ใช้โทรศัพท์มือถือและเข้าถึงระบบอินเตอร์เน็ตใช้สกุลเงินดิจิทัลเป็นและใช้ในชีวิตประจำวันเหมือนธนบัตรและเหรียญหยวน ถ้าเราจะมีดิจิทัลบาทใช้ เราก็ย่นเวลาในการทดลองใช้ เพราะได้ดิจิทัลหยวนเป็นต้นแบบ คนไทยยามนี้ หันมาใช้อีเพย์เมนต์กันมากขึ้น รวมทั้งการทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์รูปแบบต่างๆ ถ้ามีดิจิทัลบาทอีกสกุลหนึ่งมาเป็นคู่ขนานกับบาทจับต้องได้ ก็ไม่ใช่ของแปลกและเข้าถึงยากประการใด การที่จีนนำดิจิทัลหยวนออกมาใช้นั้น สาเหตุมาจากการทำสงครามการค้ากับสงครามค่าเงินกับสหรัฐฯ ดอลลาร์สรอ.ได้เปรียบหยวนทุกประตู เพราะมีการใช้ทำธุรกรรมจ่ายโอนทั่วโลกถึง 88% ขณะที่หยวนมีแค่ 4% เท่านั้น ยามใดที่ดอลลาร์อ่อนค่า หยวนก็ถูกกดดันให้อ่อนค่าตาม มิฉะนั้นจะเสียเปรียบทางการค้า เพราะค่าหยวนแข็ง สินค้าของจีนจะแพงกว่าคู่แข่ง การกดดันให้ค่าหยวนอ่อนค่า ตามดอลลาร์ ยังผลกระทบต่อสกุลเงินอื่นๆด้วย อย่างบาทนั้น แต่ก่อนค่าบาทหยวนอยู่ที่ 5 บาท แต่เดี๋ยวนี้อยู่ที่ 4.59 บาท เหตุหยวนอ่อนค่าต่อดอลลาร์กระทบมากระทุ้งบาทแข็งต่อหยวนถึง 8.2% ที่หยวนอ่อนค่าต่อบาทมากนั้น นอกจากเพราะแรงกดดันให้หยวนอ่อนค่าแล้ว ยังเป็นเพราะบาทแข็งเป็นประวัติการณ์ ถึงขนาดทะลุเพดาน 30 บาทดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ก่อน การออกดิจิทัลบาทนั้น คงไม่ได้มีเป้าหมายขึ้นเวทีโลกแบบดิจิทัลหยวน หากแต่จะด้วยเหตุผลทางเสถียรภาพทางการเงินมากกว่า สกุลเงินดิจิทัลที่ธนาคารกลางออกกันมานั้น มีลักษณะเป็น stable coin คือมีค่าเสถียร เพราะค้ำค่าเงินด้วยสินทรัพย์มีค่า เช่นทองคำ สำรองเงินตราระหว่างประเทศ SDR ฯลฯ เมื่อต่างใช้สกุลเงินดิจิทัลข้ามพรมแดนกันและกันเช่นนี้ อิทธิพลของดอลลาร์ต่อสกุลเงินกระดาษก็จะลดลง วันนี้ ถ้าธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็น negative rate แบบญี่ปุ่น -0.10% หรือพิมพ์ธนบัตรตามใจไม่ต้องใช้ทองคำค้ำมูลค่าอัดเข้าไปซื้อพันธบัตรจนทำให้ค่าดอลลาร์อ่อนลง ค่าบาทแข็งโป๊กอย่างขณะนี้ แต่ถ้ามีดิจิทัลบาท ค่าบาทก็ไม่ถูกกระทบ เพราะไม่ต้องพึ่งพาดอลลาร์มากเหมือนแต่ก่อนแล้ว