สำหรับการต่อสู้ทางการเมืองแล้ว ไม่ว่า จะอยู่ในสถานการณ์เช่นใด ทุกอย่างต้องเดินหน้าต่อ เว้นแต่จะปรับเปลี่ยน ปรับโหมด เปลี่ยนแผนการเล่น เพื่อให้มีโอกาสเข้าใกล้ “ชัยชนะ” ให้มากที่สุด เท่านั้น ! แม้การเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และนายกอบจ. จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 20ธ.ค. 63ที่ผ่านมาจะเป็นวันที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จนทำให้เกิดแนวโน้มว่านอกเหนือไปจากจังหวัดสมุทรสาคร ที่จะต้องถูกล็อกดาวน์แล้ว ในจังหวัดอื่นๆ ในพื้นที่อื่น ที่มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับ ตลาดกุ้ง ถนนพระราม2 อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. กระทรวงสาธารณสุขได้แถลงว่าพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เกี่ยวเนื่องกับ จ.สมุทรสาคร รวมทั้งสิ้น 689 ราย โดยกระจายทั้งใน จ.สมุทรสาคร และจังหวัดอื่นๆ เช่น สุพรรณบุรี นครปฐม ราชบุรี กรุงเทพฯ สมุทรปราการ เชื่อว่าภายใน 1 อาทิตย์น่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ก็ตาม หมายความว่า การเลือกตั้งสนาม อบจ.20 ธ.ค.กลับ ต้องมาหย่อนบัตรในวันเดียวกัน ความวุ่นวาย ของผู้คนในสังคม กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ในลักษณะที่ถือว่าเป็นการติดเชื้อรอบใหม่จากแรงงานต่างด้าว ตามที่ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงอย่างเป็นทางการ การเลือกตั้งระดับท้องถิ่น สนามแรกประเดิมกันที่การเลือกตั้งอบจ. ได้ถูกจับตาอย่างต่อเนื่องจากการเมืองในทุกระดับ และจากทุกป้อมค่าย โดยที่ต้องไม่ลืมว่าคะแนนที่วัดผลแพ้-ชนะ จะสามารถสะท้อน ปรากฎการณ์ทางการเมืองด้วยกันหลายทาง ผลแพ้-ชนะ ในพื้นที่อันเป็นเหมือน “ปราการ” ด่านหลักๆของ “ตระกูลการเมือง” ดังๆ ไม่ว่าจะเป็นสนามเลือกตั้งอบจ.ที่จังหวัดเชียงใหม่ ผู้สมัครที่ลงสนามในนาม พรรคเพื่อไทย จะสามารถ “โค่น” ผู้สมัคร จากฝั่งตรงข้าม ที่ผันตัวไปลงสมัครในนามกลุ่มอื่น โดยที่ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่สนับสนุน หรือการที่ ผู้สมัครจากคณะก้าวหน้า ที่ได้ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ”ประธานคณะก้าวหน้า ลงไปลุยช่วยหาเสียง มาอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการเคลื่อนไหวของผู้คนที่ประกาศจุดยืน รักสถาบันพระมหากษัตริย์ พากันติดตามเพื่อขับไล่ โห่ร้อง แสดงชัดเจนว่าไม่เอาคนที่มาจากกลุ่มล้มล้างสถาบัน ก็ย่อมต้องการได้เห็นว่า จำนวนผู้สมัครที่คณะก้าวหน้าส่งลงไปปูพรม มากกว่าพรรคการเมืองอื่น และกลุ่มการเมืองอื่นๆนั้นจะสามารถกวาดที่นั่ง ทั้งสมาชิกและนายกอบจ. ได้มากน้อยแค่ไหน อย่าลืมว่า เวลานี้การเลือกตั้ง ระดับท้องถิ่นไม่ได้เดินไปในลักษณะเดี่ยวๆอีกต่อไป หากแต่ยังสัมพันธ์ และสะท้อน ความนิยม จากประชาชน ว่าจะหนุนผู้สมัครที่มีโลโก้ของคณะก้าวหน้าหรือไม่ เพราะหากผลออกมาว่า ผู้สมัครที่คณะก้าวหน้า ของธนาธร กวาดที่นั่งเข้ามาได้เป็นจำนวนมาก จากที่ส่งลงสนาม42จังหวัด จะทำให้คณะก้าวหน้า และพรรคก้าวไกล ยังนำมาใช้ “กดดัน” ฝ่ายรัฐบาล เพื่อให้รับรู้ได้ว่า วันนี้ประชาชน ได้เลือกข้าง หันมาสนับสนุน การเมืองในแนวทางของธนาธร นอกจากนี้ ชัยชนะของคณะก้าวหน้า ยังจะส่งผลต่อไปยัง ผู้ชุมนุมม็อบราษฎร ที่ประกาศจัดชุมนุมใหญ่ในปีหน้า 2564 เป็นต้นไป แต่ในทางกลับกัน หากผลการเลือกตั้ง อบจ.ที่ออกมา หลังวันที่ 20 ธ.ค.เป็นไปในทิศทางที่เป็นลบต่อคณะก้าวหน้า ผู้สมัครในสังกัดไม่สามารถฝ่าด่านเข้าสู่สภาอบจ. ได้ตามที่ตั้งเป้าเอาไว้ จะทำให้การเดินหน้าต่อไปในสนามเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ช็อตต่อไป จะยิ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว !