แนวรบนอกสภา ที่เคยคึกคัก จนทำให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องปวดเศียรเวียนเกล้า มาแล้วก่อนหน้านี้ แต่จู่ๆ ก็กลายเป็นว่า กระแสการชุมนุมเพื่อขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ ให้ลาออกไป จนถึงการจี้ให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็มีอันต้องซาลง จนผิดสังเกต น่าสนใจว่า นับตั้งแต่วันที่แกนนำม็อบสามนิ้ว ส่งสัญญาณ แสดงจุดยืนต่อประเด็นการเคลื่อนไหว แปรเปลี่ยนไปจากเดิม จากการเรียกร้อง “ประชาธิปไตย” ไปสู่การชูสัญลักษณ์ ค้อน-เคียว พูดถึงความฝันใฝ่ ในระบอบสาธารณรัฐ ได้ทำให้เกิดคำถาม ตามมาอย่างหนักว่า เกิดอะไร ? ตกลงว่าการชุมนุมเคลื่อนไหวที่ผ่านมานั้นต้องการอะไร และจะนำไปสู่อะไร ไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง เลยอย่างนั้นหรือ และที่รุนแรง เลวร้ายหนักหนาไปกว่านั้น คือการม็อบราษฎร ถูกตั้งคำถามว่ากำลังเปลี่ยนจุดยืนไปสู่ระบอบคอมมิวนิสต์ ต้องการรัฐสวัสดิการ ใช่หรือไม่ เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริง ย่อมถือว่ามีความสุ่มเสี่ยงอย่างมาก เพียงไม่ทันข้ามวัน ได้เกิดปรากฎการณ์ที่น่าสนใจ เมื่อโลโก้ ค้อนและเคียวที่ถูกเผยแพร่ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “เยาวชนปลดแอก” ได้ทำให้บรรดา “แนวร่วม” ต่างพากันเข้าไปรุมถล่ม อย่างต่อเนื่องว่าไม่เอาด้วย ! ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากโลโก้ ค้อนและเคียว ยังแผลงฤธิ์ต่อ เมื่อล่าสุด เกิดการแบ่งขั้ว แยกข้างกันอย่างชัดเจน ด้วยการที่แกนนำตัวหลักอย่าง “เพนกวิน” ออกมาประกาศตัวว่าไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเยาวชนปลดแอก หากแต่เป็นทีมของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม มิหนำซ้ำปัญหาความขัดแย้งภายในกลุ่มแกนนำม็อบสามนิ้ว ยังลุกลามบานปลายไปถึงการบริหารจัดการ “ทีมการ์ด” เพราะไม่สามารถควบคุมกันเองได้ อีกทั้งยังเกิดปัญหา การ์ดตีกันเอง ทำร้ายกันเอง แน่นอนว่าอาการถอยร่น จากแกนนำม็อบสามนิ้ว กำลังส่งผลกระทบในทางตรงและทางอ้อม ต่อการเมืองสนามเลือกตั้งท้องถิ่น นั่นคือการเลือกตั้งสมาชิกและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 20 ธ.ค.นี้ พร้อมกันทั่วประเทศ อย่าลืมว่า กระแสที่เคยคึกคัก ปลุกมวลชนให้ออกมาทำกิจกรรมต่อต้านรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ นั้นได้เชื่อมโยงในลักษณะทีเรียกว่า “สนับสนุน” ผู้สมัครที่สังกัด “คณะก้าวหน้า”นำโดย “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า โดยปริยาย เมื่อก่อนหน้านี้ หากจำได้ พบว่าแกนนำม็อบสามนิ้วเองก็เคยเชิญชวน ให้บรรดามวลชนออกไปใช้สิทธิเลือกผู้สมัครอบจ.ในสังกัดคณะก้าวหน้า ชนิดที่จะไม่ต้องกั๊ก แต่เมื่อเวลานี้ สถานการณ์ของม็อบสามนิ้วกลับอยู่ในภาวะที่ติดล็อค ผู้คนในสังคมพากันหันไปให้ความสำคัญกับเรื่องปากท้อง การป้องกันไวรัสโควิดที่กำลังจะกลับมาระบาดอีกระลอก รวมทั้งโครงการคนละครึ่ง ที่ผู้คนต่างเรียกร้อง ให้นายกฯ รีบออกเฟสที่3และ4ตามมา และที่สำคัญไปกว่านั้น คือการที่แกนนำต่างเข้าสู่โหมดของการเดินสายเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ทั้งมาตรา 116ข้อหายุยง ปลุกปั่น ไปจนถึงมาตรา 112 มีพฤติการณ์เข้าข่ายดูหมิ่น จาบจ้วงสถาบัน สถานการณ์ของคณะก้าวหน้ายามนี้จึงไม่อาจฝากความหวัง และ โหนกระแสม็อบราษฎร ได้เพียงฝ่ายเดียว ถ้าจะบอกว่า ธนาธร ต้องออกแรงอย่างหนักหน่วง เพื่อไม่ให้การต่อสู้สนามอบจ. มีอันต้องบาดเจ็บ และพ่ายแพ้กันตั้งแต่ยกแรก !